นายก ! อนุมัติโดยไม่ตรวจสอบราคากลาง ... ต้องรับผิด ?
คดีปกครองที่จะนํามาเล่าสู่กันฟังฉบับนี้ เป็นกรณีที่เทศบาลมีคําสั่งให้นายกเทศมนตรีชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากให้ความเห็นชอบประมาณการราคาก่อสร้างและอนุมัติตามที่ปลัดเทศบาลเสนอ โดยไม่มี การตรวจสอบราคากลางตามที่คณะกรรมการกําหนดราคากลางเสนอ ทําให้หน่วยงานของรัฐได้รับความเสียหาย
ข้อเท็จจริงในคดีนี้เกิดจากการตรวจพบของสํานักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 3 ว่า คณะกรรมการ กําหนดราคากลางไม่ได้ใช้ราคาวัสดุของสํานักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในขณะที่จัดซื้อจัดจ้าง ทําให้ราคาวัสดุ โครงการก่อสร้างมีราคาสูงกว่าปกติ เป็นเหตุให้เทศบาลต้องจ่ายค่าก่อสร้างตามสัญญาสูงขึ้น
ผู้ฟ้องคดีในขณะนั้นดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรี จึงมีคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ความรับผิดทางละเมิด และต่อมากระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางมีความเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีซึ่งมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบ ราคากลางเพื่อนําไปประกวดราคา มิได้ตรวจสอบความถูกต้องของราคากลางตามที่คณะกรรมการกําหนดราคากลาง ดําเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกําหนด จึงให้รับผิดร้อยละ 10 ของค่าเสียหาย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายกเทศมนตรี (คนใหม่)) จึงมีคําสั่งให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คําสั่ง แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (ผู้ว่าราชการจังหวัด) ยกอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีจึงฟ้อง ต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนคําสั่งดังกล่าว
โดยโต้แย้งว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้บริหารเทศบาลนครมีหน้าที่กําหนดนโยบายให้ข้าราชการประจํา ปฏิบัติให้เป็นตามนโยบาย ไม่มีหน้าที่จะต้องตรวจสอบรายละเอียดการปฏิบัติงานของข้าราชการประจํา เพราะมี ปลัดเทศบาลซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเทศบาลและลูกจ้างเทศบาลและรับผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจํา ของเทศบาลให้เป็นไปตามนโยบายและมีอํานาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกําหนดหรือที่นายกเทศมนตรีมอบหมาย ผู้ฟ้องคดีจึงเชื่อโดยสุจริตว่าการกําหนดราคากลางเป็นไปตามระเบียบที่กฎหมายกําหนดไว้ครบถ้วนแล้ว ทั้งผู้ฟ้องคดีก็มิได้ เป็นผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงในการที่จะต้องลงไปดูรายละเอียดในการกําหนดราคากลาง ประกอบกับเป็นเทศบาลนครใหญ่ ผู้ฟ้องคดีจึงมีภารกิจในงานที่จะต้องบริหารตามนโยบายที่กําหนดไว้เป็นจํานวนมาก ผู้ฟ้องคดีได้ใช้ความระมัดระวัง ในฐานะนายกเทศมนตรีตามวิญญูชนพึงกระทําแล้ว จึงไม่เป็นการกระทําด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง และ ไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
คําสั่งให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้บังคับบัญชาปลัดเทศบาลมีหน้าที่ควบคุมและ รับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลและเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเทศบาลและลูกจ้างเทศบาลตามมาตรา 48 เตรส และมาตรา 48 สัตตรส แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 (ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2543) ในการกําหนดราคากลาง ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ออกคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกําหนดราคากลาง โดยเมื่อคณะกรรมการกําหนดราคากลางแล้วจะต้องเสนอผู้ฟ้องคดีอนุมัติก่อนจึงจะถือเป็นการจ้างได้ ผู้ฟ้องคดีจึงมี หน้าที่ควบคุมและตรวจสอบคณะกรรมการกําหนดราคากลาง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทําการกําหนดราคากลาง โดยถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือแจ้งเวียนการกําหนดราคากลางให้ใช้ ข้อมูลในการถอดแบบคํานวณราคากลางเป็นมาตรฐานเดียวกันตามราคาวัสดุที่กระทรวงพาณิชย์กําหนด
ดังนั้น คณะกรรมการกําหนดราคากลางที่ผู้ฟ้องคดีแต่งตั้งจึงต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือเวียนฉบับดังกล่าวภายใต้การควบคุมตรวจสอบโดยผู้ฟ้องคดีในขณะนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีลงนามอนุมัติโดยละเลย ไม่ตรวจสอบความเป็นมาของจํานวนเงินที่ประมาณการเป็นราคากลางว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์การคํานวณราคากลาง ที่กฎระเบียบทางราชการกําหนดไว้หรือไม่ ทําให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้รับความเสียหาย ต้องจ่ายค่าจ้างก่อสร้างในราคา ที่สูงกว่าปกติ กรณีจึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีกระทําละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีได้ใช้ความระมัดระวังในฐานะผู้มีอํานาจ อนุมัติเพียงเล็กน้อย ก็อาจป้องกันมิให้เกิดความเสียหายได้ หรือหากมีข้อสงสัยในราคากลาง ก็ชอบที่จะซักถาม คณะกรรมการกําหนดราคากลาง แต่ผู้ฟ้องคดีก็หาได้ทําไม่ ความเสียหายส่วนหนึ่งจึงเกิดจากการกระทําด้วยความประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ฟ้องคดี (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 843/2557)
คดีนี้ไม่เพียงจะเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติราชการที่ดีให้กับเทศบาลซึ่งนายกเทศมนตรีมีหน้าที่ ควบคุมและรับผิดชอบในการบริการกิจการของเทศบาล รวมทั้งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานเทศบาลและลูกจ้าง เทศบาลและมีอํานาจอนุมัติให้ดําเนินการในเรื่องต่าง ๆ ในกิจการของเทศบาลเท่านั้น แต่ยังทําให้หน่วยงานของรัฐและ เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นมีแนวทางในการปฏิบัติราชการตามอํานาจหน้าที่โดยจะต้องใช้ความระมัดระวังตรวจสอบกฎ ระเบียบ หรือแนวปฏิบัติ รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีหรือข้อสั่งการต่าง ๆ ของราชการและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ การใช้อํานาจเป็นไปอย่างถูกต้องและป้องกันมิให้เกิดความเสียหายกับราชการ ครับ !
นายปกครอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น