วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

คำพิพากษาศาลฏีกาคดีซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างตลาดสดเทศบาล

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2564                                

 วันที่ 9  มีนาคม  2564

 ศาลฎีกา

 ป.อ. มาตรา 151

                  โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1  ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมือง บ. จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งรองปลัดเทศบาลเมือง บ. จำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองคลังเทศบาลเมือง บ. จำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองช่างสุขาภิบาล จำเลยที่ 5 ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสุขาภิบาล กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลเมือง บ. จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการดำเนินการจัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างตลาดสดเทศบาลแห่งใหม่โดยวิธีพิเศษ จำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ซื้อ ทำ  จัดการหรือรักษาทรัพย์และดูแลควบคุมพัสดุของเทศบาลเมือง บ. ได้ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาลเมือง บ. หรือเจ้าของทรัพย์นั้น กล่าวคือ จำเลยทั้งห้าอาศัยโอกาสที่ตนมีอำนาจหน้าที่ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้อนุมัติ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นคณะกรรมการจัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างตลาดสดเทศบาลแห่งใหม่โดยวิธีพิเศษ จำเลยทั้งห้าได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตร่วมกันจัดซื้อที่ดินจำนวน 2 แปลง จากนาย ธ. โดยวิธีพิเศษ โดยจำเลยทั้งห้าได้ทำการหลีกเลี่ยงการจัดซื้อโดยวิธีปกติและได้ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเสนอเห็นควรอนุมัติซื้อที่ดินทั้งสองแปลงในราคาสูงกว่าราคามาตรฐานของสำนักงานที่ดินจังหวัด บ. จำเลยที่ 3 ได้ดำเนินการเรื่องขออนุมัติให้จ่ายเงินสะสมของเทศบาลเมือง บ. และเบิกเงินงบประมาณเสนอควรอนุมัติต่อจำเลยที่ 1 โดยจำเลยทั้งห้าได้สมรู้ร่วมกันจนกระทั่งจำเลยที่ 1 ลงนามอนุมัติจัดซื้อที่ดินทั้งสองแปลงอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 จำเลยทั้งห้าทราบระเบียบดังกล่าวแล้ว แต่กลับร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลเมือง บ. ทำให้เทศบาลเมือง บ. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อที่ดินสูงกว่าราคามาตรฐานของสำนักงานที่ดินจังหวัด บ. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 83

 

                  จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ

                 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา ๘๓ จำคุกคนละ ๑๐ ปี

                 จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์

                 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

                 โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

                 ศาลฎีกาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยทั้งห้ากระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ หรือเทศบาลฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 นั้น มีองค์ประกอบสำคัญว่าต้องเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตด้วย กล่าวคือ ต้องเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นตามนัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (1)  ดังนี้ จะเห็นได้ว่าสาระสำคัญตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการกล่าวหาว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันจัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างตลาดสดเทศบาลแห่งใหม่ของเทศบาลเมือง บ. โดยวิธีพิเศษในราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริง โดยมีเจตนาทุจริตในปัญหานี้ข้อเท็จจริงได้ความ จากทางพิจารณาว่า ในการจัดสร้างตลาดสดแห่งใหม่ดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามที่ได้รับอนุมัติจากสภาเทศบาลเมือง บ. มิใช่จากจำเลยที่ 1 โดยตรง               ซึ่งการจัดหาที่ดินเพื่อสร้างตลาดสดแห่งใหม่จำต้องพิจารณาถึงสถานที่ตั้งที่เหมาะสมเป็นย่านชุมชนในเมือง และเป็นที่ดินแปลงใหญ่มีพื้นที่ติดต่อกัน กรณีจึงเป็นการซื้อที่ดินโดยเฉพาะเจาะจง ไม่สามารถติดต่อขอซื้อโดยวิธีปกติได้ ดังนั้น การจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำไปตามระเบียบและกฎหมายโดยชอบ ส่วนในเรื่องของราคาที่ดินนั้น เห็นได้ว่าราคาของที่ดินมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง  ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว และข้อเท็จจริงเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ส่วนใหญ่ราคาประเมินของที่ดินที่ทางราชการกำหนดไว้จะต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายจริงกันตามท้องตลาด ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ทำความเห็นเสนอให้จำเลยที่ 1 พิจารณาอนุมัติซื้อที่ดินตามฟ้องในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินของทางราชการจึงไม่ใช่เป็นข้อที่แสดงว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันทุจริตในการจัดซื้อที่ดินเสียทีเดียวส่วนกรณีจำเลยที่ 1 อนุมัติให้ซื้อที่ดินทั้งสองแปลงตามความเห็นของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ 5 ในราคารวม 47,500,000 บาท ทั้งที่นาย ธ. ผู้เสนอขายซื้อมาจากนาง น. กับพวกในราคาเพียง 33,000,000 บาท มีส่วนต่างกัน 14,500,000 บาท นั้น เห็นได้ว่า จำเลยทั้งห้าได้พยายามต่อรองราคากับผู้ขายที่ดินหลายครั้งจนสมประโยชน์แก่ทางราชการตามสมควร มิใช่กระทำโดยรวบรัด อีกทั้งนาย ธ. ซื้อที่ดินทั้งสองแปลงมาเพื่อขายต่อย่อมต้องการกำไรเป็นธรรมดาเมื่อคำนวณราคาที่ดินตามที่จำเลยที่ ๑ อนุมัติให้จัดซื้อแล้ว ตกราคาตารางวาละ 5,937.50 บาท ไม่ถือว่าเป็นการซื้อในราคาที่สูงเกินสมควรจนผิดปกติ และกรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการจัดซื้อที่ขัดต่อระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 50 (6) ประกอบกับจากการสอบสวนไม่พบว่าจำเลยทั้งห้ามีพฤติการณ์เรียกร้องผลประโยชน์จากฝ่ายผู้ขายแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ฎีกาสรุปในตอนท้ายว่า พฤติการณ์ในการจัดซื้อที่ดินของจำเลยทั้งห้าจากนาย ธ. ในราคาที่สูงเกินสมควรและเกินความจำเป็น ส่อเจตนาไปในทางทุจริต เป็นการร่วมกันกระทำการโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นนั้น เป็นการฎีกาไปตามความเชื่อของโจทก์ โดยไม่มีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุนให้มีน้ำหนักรับฟังได้อย่างชัดเจนประกอบกับจำเลยทั้งห้าต่างให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด จากเหตุผลดังที่วินิจฉัยมา กรณียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันจัดซื้อที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวโดยทุจริตตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

                 พิพากษายืน

ธนินพัชร์ คชนพพลจรัส - ย่อ                                             

ศุภรดา บุตรเนียร - ตรวจ             

หมายเหตุ – คดีแดงศาลชั้นต้นที่ อท.90/2561

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น