คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อบ.๕๕/๒๕๖๓
ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานเทศบาลสามัญ ตำ แหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป (นักบริหารงานทั่วไป ๖) ฝ่ายบริหารงานทั่วไป กองช่าง เทศบาลตำบลจอหออำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ได้รับความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (นายกเทศมนตรีตำบลจอหอ) มีคำสั่งลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานเทศบาล ครึ่งปีหลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รายผู้ฟ้องคดีเลื่อนขั้นเงินเดือน ๐.๕ ขั้น โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากตามประกาศเทศบาลตำบลจอหอ ลงวันที่๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน และคณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของผู้ฟ้องคดีอยู่ในระดับดีเด่น ลำดับที่ ๔๗อยู่ในเกณฑ์ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งพิพาทให้ผู้ฟ้องคดีเลื่อนขั้นเงินเดือน ๐.๕ ขั้น ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๗ อุทธรณ์คำสั่งพิพาทต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งนาย อ. ปลัดเทศบาล มีหนังสือลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เสนอผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ว่าคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนชอบด้วยกฎหมายแล้ว และเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีต้องร้องทุกข์ไม่ใช่อุทธรณ์คำสั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณาแล้วให้แจ้งผู้ฟ้องคดีทราบและรายงานคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมาเพื่อพิจารณา ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเทศบาลตำบลจอหอ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ในส่วนที่เลื่อนขั้นเงินเดือน ครึ่งปีหลังประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ๐.๕ ขั้น และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เลื่อนขั้นเงินเดือนครั้งดังกล่าวให้แก่ผู้ฟ้องคดี ๑ ขั้น และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คณะกรรมการกลั่นกรองผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานพนักงานเทศบาลและลูกจ้างประจำ ครึ่งปีหลัง ประจำปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แต่งตั้งขึ้นตามข้อ ๓๓๕ ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ในการประชุม เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖มีมติให้แต่ละกองไปพิจารณาดำเนินการตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีวันลาและวันขาดให้แน่นอนเสร็จแล้วส่งให้ฝ่ายเลขานุการโดยเร็ว และในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ เห็นชอบกับผลการประเมินคะแนนพนักงานเทศบาล จำนวน ๕๖ คน พนักงานครูเทศบาล จำนวน ๑ คนและลูกจ้างประจำ จำนวน ๑๓ คน ให้เลขานุการสรุปผลคะแนนจากมากไปหาน้อยพร้อมรวบรวมวันลาและหนังสือรับรองกรณีมีผู้ไปศึกษาดูงานในและต่างประเทศแนบรายงานการประชุมด้วยซึ่งรายผู้ฟ้องคดีได้คะแนนลำดับที่ ๔๗ คะแนนประเมิน ๑๘๒ คะแนน ผลการประเมินอยู่ในระดับดีเด่น ต่อมา คณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีพนักงานเทศบาลอยู่ในเกณฑ์ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น จำนวน ๕๓ คน รวมทั้งรายผู้ฟ้องคดี ซึ่งเกินวงเงินงบประมาณ จึงมีมติให้ปรับลดการเลื่อนขั้นเงินเดือน โดยมีมติให้เลื่อนขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น จำนวน ๔๐ คน เลื่อนขั้นเงินเดือน ๐.๕ ขั้น จำนวน ๑๓ คน รวมทั้งรายผู้ฟ้องคดี โดยตัดผู้มีคะแนนลำดับที่ ๒ ลำดับที่ ๑๐ ลำดับที่ ๑๓ลำดับที่ ๒๐ ลำดับที่ ๒๙ ลำดับที่ ๓๑ ลำดับที่ ๔๑ ลำดับที่ ๔๗ (ผู้ฟ้องคดี) ลำดับที่ ๔๘ ลำดับที่ ๔๙ลำ ดับที่ ๕๐ ลำ ดับที่ ๕๑ และลำ ดับที่ ๕๓ ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำ สั่งลงวันที่๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานเทศบาล ครึ่งปีหลัง ประจำปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณาแล้วเห็นว่าการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานเทศบาลตามคำสั่งพิพาทชอบด้วยกฎหมายแล้ว และเห็นว่าการที่ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๗ เป็นการใช้สิทธิร้องทุกข์ตามข้อ ๑๓๗และข้อ ๑๓๙ ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗ จึงส่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา) พิจารณา ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ พิจารณาอุทธรณ์รายผู้ฟ้องคดีแล้วu3648 เห็นว่า การใช้เหตุผลประกอบดุลพินิจของคณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ ของเทศบาลตำบลจอหอยังไม่สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๒๓๒ และข้อ ๒๓๔ จึงมีมติให้เทศบาลตำบลจอหอพิจารณาดำเนินการเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานเทศบาลฯ ให้เป็นไปตามประกาศดังกล่าว ต่อมา คณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๗ พิจารณาโดยเรียงลำดับคะแนนจากมากไปหาน้อยแล้วมีมติให้พนักงานเทศบาลผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ ๑ ถึงลำดับที่ ๔๒ ยกเว้นลำดับที่ ๒๙ เลื่อนขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น ให้พนักงานเทศบาลผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ ๔๓ ถึงลำดับที่ ๕๓ เลื่อนขั้นเงินเดือน ๐.๕ ขั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงมีคำสั่งเทศบาลตำบลจอหอ ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๗แก้ไขการเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานเทศบาล ครึ่งปีหลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖(เฉพาะราย) ตามมติคณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ เห็นได้ว่า แม้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑จะออกคำสั่งพิพาทตามความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ ซึ่งพิจารณาผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของพนักงานเทศบาลจอหอประกอบกับข้อมูลการลา พฤติกรรมการมาทำงาน การรักษาวินัย การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นข้าราชการและข้อควรพิจารณาอื่นๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นเสนอ โดยไม่ได้เรียงลำดับคะแนนจากมากไปหาน้อยก็ตาม แต่เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่๔ กันยายน ๒๕๕๗ พิจารณาโดยเรียงลำดับคะแนนจากมากไปหาน้อยแล้วมีมติให้พนักงานเทศบาลผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ ๑ ถึงลำดับที่ ๔๒ ยกเว้นลำดับที่ ๒๙ เลื่อนขั้นเงินเดือน ๑ ขั้นให้พนักงานเทศบาลผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ ๔๓ ถึงลำดับที่ ๕๓ เลื่อนขั้นเงินเดือน ๐.๕ ขั้นเมื่อผู้ฟ้องคดีได้คะแนนประเมินในลำดับที่ ๔๗ จึงไม่อยู่ในลำดับที่ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน ๑ ขั้นและแม้ผู้ฟ้องคดีจะมีคะแนนประเมินอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือน ๑ ขั้น แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับวงเงินที่ใช้เลื่อน จึงไม่อาจเลื่อนเงินเดือน ๑ ขั้น ให้แก่ผู้ฟ้องคดีได้ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ออกคำสั่งพิพาทเลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่ผู้ฟ้องคดี ๐.๕ ขั้น จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยมาตรา ๑๓วรรคหนึ่ง (๓) มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่งและวรรคหก แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบข้อ ๒๒๔ ข้อ ๒๔๒ วรรคหนึ่ง ข้อ ๒๒๗ ข้อ ๒๓๐ข้อ ๓๒๗ วรรคสอง และข้อ ๓๓๐ วรรคหนึ่ง ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล ลงวันที่๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ แล้ว กรณีผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ไม่มีกฎหมายหรือระเบียบใดให้อำนาจคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติให้แต่ละกองไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับวันลาของพนักงานเทศบาล จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพนักงานเทศบาลบางคนที่ขาดราชการสามารถยื่นใบลาย้อนหลังได้ นั้น การดำเนินการดังกล่าวของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาก่อนที่จะเสนอผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ อันเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยข้อ ๒๔๒ ข้อ ๒๓๐ และข้อ ๓๓๐ ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมาดังกล่าว และการที่พนักงานเทศบาลบางคนลาป่วยและมีการยื่นใบลาย้อนหลังหรือไม่จัดส่งใบลาในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมายนั้น กำหนดระยะเวลาการยื่นใบลาป่วย ตามข้อ ๓๕๑ ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรือง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ เป็นเพียงระยะเวลาเร่งรัดให้พนักงานเทศบาลผู้ลาป่วยได้ยื่นใบลาโดยเร็วเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานเท่านั้น มิได้เป็นระยะเวลาบังคับเด็ดขาดที่หากยื่นใบลาป่วยพ้นกำหนดดังกล่าวแล้วจะไม่มีสิทธิได้รับอนุญาตให้ลาป่วยแต่อย่างใด และเป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจที่จะพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมแก่พฤติการณ์ เมื่อผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเห็นว่าพนักงานผู้นั้นป่วยจริงจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ลา จึงถือว่าพนักงานเทศบาลผู้นั้นไม่ขาดราชการอันจะขาดคุณสมบัติได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน นอกจากนี้ หลักเกณฑ์ในการประเมินระบบเปิดกำหนดให้ประกาศรายชื่อผู้ที่มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีเด่นในที่เปิดเผยให้พนักงานเทศบาลได้ทราบโดยทั่วกันโดยไม่ได้กำหนดว่าต้องประกาศก่อนหรือหลังคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน ดังนั้น แม้ประกาศผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของพนักงานเทศบาลจะประกาศภายหลังการออกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน แต่เมื่อได้มีการประกาศผลให้ทราบเป็นการทั่วไปแล้วย่อมเป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์แล้ว จึงมิใช่การดำเนินการโดยผิดขั้นตอนและมิได้ส่งผลให้การประเมินผลการปฏิบัติงานในกรณีของผู้ฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างนอกจากนี้ การที่ผู้อำนวยการกองช่างซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต้นประเมินให้ผู้ฟ้องคดีได้ ๑๘๒คะแนน สมควรได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น โดยที่ปลัดเทศบาลซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปมีความเห็นแตกต่างประเมินให้ผู้ฟ้องคดีได้ ๑๓๑ คะแนน สมควรได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ๐.๕ ขั้นแต่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นชอบตามผลการประเมินของผู้อำนวยการกองช่างและเมื่อพิจารณาประกอบวันลา ผู้ฟ้องคดีอยู่ในลำดับที่ ๔๗ ปลัดเทศบาลซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปมีความเห็นแตกต่างในการประเมินจากผู้บังคับบัญชาระดับต้นย่อมเป็นดุลพินิจที่สามารถกระทำได้ ประกอบกับในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนครั้งพิพาทไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีอคติหรือมีลักษณะที่เข้าข่ายไม่มีความเป็นกลางต่อผู้ฟ้องคดีตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างแต่อย่างใด กรณีผู้ฟ้องคดีอ้างว่า รายงานการประชุมของคณะกรรมการกลั่นกรองฯในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ และในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ไม่ปรากฏลายมือชื่อของนาย ป. ประธานคณะกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งผู้ฟ้องคดียื่นเอกสารไว้ในคำแถลงต่อศาลแล้ว และศาลไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงในประเด็นนี้จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน นั้น บทบัญญัติมาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ประกอบข้อ ๕๐ วรรคหนึ่ง และข้อ ๕๔ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ฯ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. ๒๕๔๓ มีเจตนารมณ์ที่จะให้ศาลเป็นผู้มีอำนาจในการแสวงหาข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นๆที่จำเป็นได้ด้วยตนเองด้วยวิธีการต่างๆ ตามที่เห็นสมควรหรือเห็นว่าเหมาะสม โดยศาลจะรับฟังพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานผู้เชี่ยวชาญ หรือพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากพยานหลักฐานของคู่กรณีได้ตามที่เห็นสมควร ศาลอาจกำหนดวิธีการในการแสวงหาข้อเท็จจริงได้ด้วยวิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงจากพยานเอกสารหรือวัตถุพยาน อีกทั้ง ตุลาการเจ้าของสำนวนมีอำนาจออกคำสั่งเรียกให้คู่กรณี หน่วยงานทางปกครอง เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องส่งเอกสารหรือพยานหลักฐานใดๆ ได้ตามที่เห็นสมควรหรือเมื่อคู่กรณีมีคำขอ ซึ่งการแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของศาลด้วยตนเองเป็นวิธีพิจารณาโดยใช้ระบบไต่สวนตามข้อ ๕แห่งระเบียบเดียวกัน ข้ออ้างนี้ของผู้ฟ้องคดีฟังไม่ขึ้น กรณีผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ตามรายงานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ระบุว่านาย อ. ปลัดเทศบาลเป็นประธานการประชุม แต่ไม่ปรากฏลายมือชื่อนาย อ. เข้าร่วมประชุมทำให้บันทึกรายงานการประชุมขาดความสมบูรณ์ถูกต้อง ครบถ้วน จึงเป็นการพิจารณาที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ นั้น ข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ระบุว่า นาย อ. เป็นประธานในการประชุม รวมทั้งเป็นผู้แจ้งเรื่องต่างๆ ในที่ประชุม และลงลายมือชื่อในการตรวจรายงานการประชุมด้วยตนเอง จึงเชื่อได้ว่านาย อ. ได้เข้าร่วมประชุมครั้งดังกล่าวจริงข้ออ้างข้อนี้ของผู้ฟ้องคดีฟังไม่ขึ้น นอกจากนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน๒๕๔๐ แจ้งตามหนังสือลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๐ อนุมัติหลักการให้ส่วนราชการใช้หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในระบบเปิดในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการที่คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการเสนอ เป็นหลักปฏิบัติในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการ และสำนักงานก.พ. ได้มีหนังสือลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๔๐ แจ้งซ้อมความเข้าใจให้ส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ระบบเปิดในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญประจำปีตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว นั้น เมื่อผู้ฟ้องคดีทราบผลการประเมินจากผู้บังคับบัญชาชั้ นต้นว่าได้ ๑๘๒ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๒๐๐ คะแนน ผู้ฟ้องคดีไม่ได้โต้แย้งผลการประเมินดังกล่าวและการไม่แจ้งผลการประเมินแต่ผู้ฟ้องคดียังคงได้รับการประเมินตามระดับคะแนนที่ได้รับการประกาศผลดังกล่าว ไม่มีผลถึงกับทำให้การประเมินผลการปฏิบัติงานในกรณีของผู้ฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น