ส.บ.อ.ท.ต้านโอนร.ร.อย่ใต้ศธ. นายกฯชี้สังกัด'ท้องถิ่น'เกิดประโยชน์กว่า หนุนโรงเรียนนิติบุคคลเหตุอิสระ-คล่องตัว |
มติชน ฉบับวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ |
เมื่อวันที่
7 กุมภาพันธ์ นายอดุลย์ ภู่ภัทรางค์
นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย
(ส.บ.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ
ผู้อำนวยการโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี
ในฐานะนายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)
ได้เสนอต่อประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.)
ในประเด็นให้มีการพิจารณาถ่ายโอนทั้งโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา
สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หรือในสังกัดหน่วยงานอื่น
ให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดูแล นั้นว่า
ตนมีความเห็นแย้งกับข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันการจัดการศึกษาของ
อปท.ทั้งที่เดิมจัดเอง หรือโรงเรียนที่ถ่ายโอนมาจาก
ศธ.ซึ่งส่วนใหญ่สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
และโรงเรียนที่จัดตั้งใหม่สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
ต่างก็มีศักยภาพและมีการพัฒนาคุณภาพขึ้นไปเรื่อยๆ
ดังจะเห็นได้จากผลการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาต่างๆ นายอดุลย์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะระบบการบริหารงานของ อปท.ไม่ว่าจะเป็น อบจ. เทศบาล และ อบต. ต่างก็มีสายงานการบริหารที่สั้น ชัดเจน และตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนและท้องถิ่นได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีงบประมาณที่มาสนับสนุนอย่างเพียงพอ จึงทำให้ผลสำเร็จของการจัดการศึกษาเพื่อชุมชน ได้รับการตอบรับจากสังคมท้องถิ่นเป็นอย่างดี แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างในบางประเด็น แต่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ศธ. และ อปท.ได้เข้ามาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้น ก็คิดว่าทิศทางและผลสำเร็จของการจัดการศึกษาจะเกิดขึ้น สามารถตอบโจทย์ในเรื่องทิศทางและคุณภาพของการจัดการศึกษาของประเทศไทยได้ "เดิมโรงเรียนสังกัด อบจ. ก็เป็นโรงเรียนที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่ได้ถ่ายโอนมาสังกัด อบจ. ร่วม 10 ปีที่ผ่านมา แต่ละโรงเรียนก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันคุณภาพของโรงเรียนที่สังกัด อปท. ก็ไม่น้อยกว่าโรงเรียนที่สังกัดหน่วยงานอื่นใด บางแห่งกลับจะมีคุณภาพที่ก้าวหน้ากว่าด้วยซ้ำ ทั้งนี้ เพราะ อปท.มีปัจจัยความพร้อมต่างๆ มาสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ชุมชน และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีพื้นฐานอยู่ที่หลักการของการกระจายอำนาจ ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะถ่ายโอนกลับมาที่ ศธ. ขอให้คิดว่าเราช่วยกันจัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือคุณภาพของการศึกษาของประเทศไทย" นายก ส.บ.อ.ท.กล่าว นายก ส.บ.อ.ท.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม มีหลายประการที่เห็นด้วยกับ ส.บ.ม.ท.คือ ความมีอิสระในการบริหารงานโรงเรียน ซึ่งจะเป็นนิติบุคคล หรือไม่เป็นนิติบุคคล แต่กระจายอำนาจลงมาให้เต็มที่ให้โรงเรียนได้ทำภายใต้ความรับผิดชอบนั้น เป็นสิ่งที่พึงทำโดยเร็ว เพราะขณะนี้โรงเรียนต่างๆ ไม่ว่าสังกัด ศธ. หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) บาง อปท.ประสบปัญหามากมายที่ทำอะไรไม่ได้ภายในโรงเรียน เพราะไปรวมศูนย์อำนาจในส่วนกลางหรือต้นสังกัด อย่าลืมว่าโรงเรียนเปรียบเป็นสนามรบ หากไม่ให้ผู้บังคับบัญชาสนามรบตัดสินใจสั่งการอะไร ต้องถามศูนย์อำนาจทุกครั้ง โรงเรียนก็แตกพ่ายคือ ไม่มีใครอยากนำลูกหลานมาศึกษาเล่าเรียน และขอสนับสนุน ส.บ.ม.ท.ในเรื่องการมีกรมประถม กรมมัธยม เพราะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ต้องใช้คำว่าทางใครทางมัน ต้องเชื่อประเด็นหนึ่งคือ ไม่มีคนใด องค์กรใด หน่วยงานใดที่เก่ง มีความสามารถไปในทุกเรื่อง ต้องกระจายหาคน องค์กร หน่วยงานเฉพาะด้านมาดำเนินการบริหารจัดการ ดังนั้น ขอถ่ายทอดความคิดนี้ไปยัง กอปศ.ที่จะต้องกล้าทำอย่างจริงจัง กระจายความเสี่ยงในการจัดการศึกษาให้หลายแหล่ง หลายหน่วยที่มีความพร้อมจะจัดการศึกษาได้ดำเนินการอย่างอิสระ รับรองว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการ จะเกิดขึ้นได้แน่นอน |
เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวงงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ฅนเทศบาล
เมนูหลัก
ข่าวท้องถิ่น
ระเบียบบริหารงานบุคคลของพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานการบริหารงานบุคคลพนักงานส่วนท้องถิ่น
วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ส.บ.อ.ท.ต้านโอนร.ร.อย่ใต้ศธ. นายกฯชี้สังกัด'ท้องถิ่น'เกิดประโยชน์กว่า หนุนโรงเรียนนิติบุคคลเหตุอิสระ-คล่องตัว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น