คอลัมน์ สายตรงท้องถิ่น: พื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างท้องถิ่น จะปฏิรูปอย่างไร |
สยามรัฐ ฉบับวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ |
รองศาสตราจารย์ ดร.โกวิทย์ พวงงาม ผม เห็นว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในปัจจุบัน ยังมีพื้นที่คาบเกี่ยวหรือเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะติดต่อกัน อาจจะเป็นพื้นที่ภายในตำบลเดียวกัน หรือเป็นพื้นที่นอกตำบลแต่ไปคาบเกี่ยวกับอีกอปท.หนึ่ง ซึ่งในลักษณะพื้นที่คาบเกี่ยวเช่นนี้ พบว่ามี อปท.ที่มีลักษณะดังกล่าวมากกว่า 1,000 แห่ง และเคยมีข้อเสนอให้ปรับ อปท.ที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวกัน โดยมีหลักการว่า "ให้ในหนึ่งตำบลมีเพียงหนึ่งท้องถิ่น" โดยที่หลายฝ่ายก็เห็นดีเห็นงามด้วย ทั้งนี้ ในหลักการก็คือพื้นที่ตำบลใดที่คาบเกี่ยวซ้ำซ้อนกัน หนึ่งตำบลมีสอง อปท.นั้น ก็ให้ทำการควบรวมให้ไปขึ้นกับ อปท.ใด อปท.หนี่งเพื่อทำให้มีเพียง อปท.เดียวในหนึ่งตำบล วิธีการในลักษณะเช่นนี้ก็จะช่วยแก้ ปัญหาได้ในหลายเรื่อง เป็นต้นว่า ปัญหาชื่อของ อปท.ที่ซ้ำซ้อนกันก็จะหมดไป อีกประการหนึ่งจะทำให้หนึ่งตำบลมีชื่อเรียก อปท.เพียง อปท.เดียว และยังทำให้เกิดผลด้านขนาดของ อปท.ที่มีพื้นที่มากขึ้น งบประมาณก็มากขึ้นตามมาด้วย และก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ทุกฝ่ายมักจะคาดหวังว่าการทำ ให้ อปท.มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นเป็นประเด็นที่น่าจะดำเนินการโดยวิธีการใดวิธีการ หนึ่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขนาดไหนที่จะมีความเหมาะสมทั้งในแง่พื้นที่และขนาด ก็ยังเป็นประเด็นที่มีการถกเกียงกันอยู่ซึ่งไม่มีความลงตัวนัก แต่จุดร่วมที่น่าสนใจในการปฏิรูปท้องถิ่น ก็คือ "จะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีศักยภาพและขีดความสามารถในการจัดบริการสาธารณะ เพิ่มมากขึ้น" ซึ่งหากพิจารณาโดยหลักการความเหมาะสมของการจัดตั้ง อปท.ให้มีประสิทธิภาพนั้น ก็ควรคำนึงถึงประชากรที่เหมาะสม ขนาดพื้นที่และความหนาแน่นของประชากร รวมทั้งงบประมาณรายได้ที่เหมาะสมกับการจัดบริการสาธารณะให้ อปท. มีขีดความสามารถและศักยภาพที่จะพึ่งตนเองได้ นับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง นั่นก็คือ การทำให้ อปท.มีความสามารถในการจัดการตนเองได้ จากข้อมูลในแง่การ พิจารณาถึงงบประมาณรายได้ของ อปท.ที่มีอยู่จำนวน 7,000 กว่าแห่ง เราจะพบว่ามี อปท.จำนวนหนึ่งที่มีรายได้ไม่เพียงพอและพึ่งตนเองไม่ได้ ทั้งในแง่ของการจัดบริการสาธารณะที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่ง อปท.ในจำนวนนี้ต้องพึ่งงบประมาณจากรัฐบาลในรูปของเงินอุดหนุนเป็นจำนวน มากกว่า 5,000 แห่ง มูลเหตุที่เป็นอย่างนี้ เราจะพบว่า การเกิดขึ้นของ อปท.ในประเทศไทยมีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับทิศทางทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนเช่นกัน จึงทำให้ขาดหลักเกณฑ์ เป้าหมายในการจัดตั้งที่มักจะไร้ทิศทางรวมทั้งความไม่แน่นอนในนโยบายทางการ เมืองของนักการเมือง ที่ส่วนหนึ่งก็มักจะทำเพื่อการเอาอกเอาใจและหวังผลทางการเมืองในรูปคะแนน เสียงมากกว่าหลักการว่าจะให้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปเพื่ออะไร มีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์ประเทศอย่างไร จะให้มีประเภท ขนาดของ อปท.ที่เหมาะสม ควรจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้รับการขานรับจากฝ่ายนโยบายทางการเมืองของนักการเมืองอย่างจริงจัง จึงทำให้ท้องถิ่นที่มีอยู่ในประเทศไทยมีปัญหามากมายตามมา ดังตัวอย่างเรื่องพื้นที่คาบเกี่ยวของ อปท. ผมได้ไปพบปะพูดคุย และเป็นวิทยากรบรรยายให้กับเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เรื่องการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และสิ่งที่ได้สอบถามเกี่ยวกับพื้นที่ของการดำรงอยู่ของเทศบาลนครเจ้าพระยาสุ รศักดิ์เป็นอย่างไรบ้างนั้น ก็ได้รับคำตอบว่า พื้นที่เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์เป็นพื้นที่เขตชุมชนอุตสาหกรรมและนิคม อุตสาหกรรมที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะกลายเป็นธุรกิจการค้าและการอุตสาหกรรมในอนาคต มีความสลับซับซ้อนในการแก้ปัญหาต่างๆ งบประมาณของเทศบาลมีประมาณ 1,200 กว่าล้าน ส่วนพื้นที่คาบเกี่ยวที่รวมเป็นเทศบาลนครเจ้าพระยาสุ รศักดิ์นั้นพัฒนาการมาจากสุขาภิบาลอ่าวอุดม และต่อมาได้ขยับขยายสำนักงานจากพื้นที่อ่าวอุดมมาเป็นพื้นที่ตำบลสุรศักดิ์ ซึ่งตำบลสุรศักดิ์ทั้งตำบลเป็นเขตเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ นอกจากนี้แล้ว ยังมีพื้นที่คาบเกี่ยวของอาณาเขตเทศบาลนครครอบคลุมไปอีกสามตำบล นั่นก็คือตำบลบ่อวิน ตำบลหนองขาม และตำบลเขาคันทรง ซึ่งทั้งสามตำบลดังกล่าวก็เป็นพื้นที่ของ อปท.ในรูปแบบองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)ซึ่งหมายความว่าไม่ได้เป็นไปตามหลักที่มีข้อเสนอให้หนึ่งตำบลมีเพียง หนึ่งท้องถิ่น ทั้งนี้ ผมเข้าใจว่ายังมีอีกหลายเทศบาลไม่ว่าจะเป็นเทศบาลเมืองเทศบาลนคร หรือแม้แต่เทศบาลตำบล ก็ยังมีพื้นที่คาบเกี่ยวในลักษณะดังกล่าวอีกจำนวนไม่น้อย ผมจึงมีข้อเสนอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ที่คิดจะขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ และหน่วยงานภาครัฐ น่าจะทำการศึกษาและหาวิธีการปฏิรูปท้องถิ่นอย่างจริงจังว่าจะดำเนินการอย่าง ไรในส่วนที่มีพื้นที่คาบเกี่ยว ผมยังเห็นว่า ในยุคที่มีรัฐบาลที่มาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะต้องดำเนินการปฏิรูปประเทศในทุกๆด้านที่สำคัญๆให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่ เป็นรูปธรรม ดังข้อเสนอให้ทำการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เหมาะสม และดำเนินการทำให้สำเร็จในยุคที่มีรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลและมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปประเทศ ต้องทำการปฏิรูปเพื่อให้นำไปสู่รูปธรรมที่จับต้องได้ ผมไม่แน่ ใจนักว่าหากจะมีการเลือกตั้งในกลางปี 2560 หรือปลายปี 2560 ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบแล้ว การปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ จะสานต่อและดำเนินการภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้ต่อเนื่องและประสบ ความสำเร็จอย่างไร โดยเฉพาะการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งผมเองก็ไม่มั่นใจนัก |
เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวงงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ฅนเทศบาล
เมนูหลัก
ข่าวท้องถิ่น
ระเบียบบริหารงานบุคคลของพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานการบริหารงานบุคคลพนักงานส่วนท้องถิ่น
วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559
คอลัมน์ สายตรงท้องถิ่น: พื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างท้องถิ่น จะปฏิรูปอย่างไร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น