ศาลปกครอง “คุ้มครอง” ชาวบ้าน กรณีหน่วยงานของรัฐออกประกาศเพิ่มค่าเก็บขยะโดยไม่ชอบ !
เชื่อว่า..หลายท่านอาจเคยประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกับผู้ฟ้องคดีในคดีนี้
กรณีหน่วยงานของรัฐปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะมูลฝอย ซึ่งการจะดูว่าการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมดังกล่าว
หน่วยงานของรัฐได้ดาเนินการโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ? คดีนี้น่าจะเป็นแนวทางให้ท่านได้ครับ...
ผู้ฟ้องคดีเป็นชาวบ้านซึ่งประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเขตเทศบาลแห่งหนึ่ง
ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองความว่า ตนได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่เทศบาล (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) มีคาสั่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยจ่ายเดือนละ
12 บาท เป็นเดือนละ 30 บาท ตั้งแต่วันที่
1 ตุลาคม 2547 เพื่อให้เป็นไปตามประกาศเทศบาล
เรื่อง การปรับอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บขยะมูลฝอย ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2547 ซึ่งได้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะมูลฝอยใหม่
โดยกรณีที่มีปริมาณขยะวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร ชนิดบ้านอยู่อาศัย
เดือนละ 20 บาท กรณีวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 40 ลิตร ชนิดร้านค้า เดือนละ
30 บาท
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าประกาศของเทศบาลข้างต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าอัตราเดิมถึง 150 เปอร์เซ็นต์ และปลัดเทศบาล (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ผู้รับมอบอำนาจจากนายกเทศมนตรีไม่มีอำนาจที่จะออกประกาศเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะมูลฝอยตามที่เทศบัญญัติ
เรื่อง การกาจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2545
กำหนดไว้ได้ โดยเทศบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดอัตราค่าเก็บขยะมูลฝอยประจาเดือน...ประเภทอาคารหรือเคหะ วันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร ชนิดบ้านอยู่อาศัย
เดือนละ 8 บาท อาคารพาณิชย์ชนิดอยู่อาศัย เดือนละ 8 บาท และชนิดร้านค้า เดือนละ 12 บาท ...
ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองออกประกาศเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บขยะมูลฝอยให้ต่างไปจากที่เทศบัญญัติกำหนดไว้
โดยไม่ได้มีการแก้ไขเทศบัญญัติฉบับเดิมเสียก่อน จึงเป็นการกระทาโดยปราศจากอำนาจและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขอให้ศาลปกครองพิพากษาเพิกถอนประกาศของผู้ถูกฟ้องคดี
ผู้ถูกฟ้องคดีชี้แจงต่อศาลว่า
เหตุที่ต้องออกประกาศปรับเปลี่ยนค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะมูลฝอยดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการคิดค่าธรรมเนียมในอัตราเดิมนานถึง 18 ปีแล้ว โดยที่ไม่ได้มีการปรับเพิ่มแต่อย่างใด
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันที่ราคาสินค้าต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
ค่าเช่าสถานที่ในการกำจัดขยะมูลฝอย ผู้ถูกฟ้องคดีจึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว
ซึ่งการออกประกาศข้างต้นผู้ถูกฟ้องคดีได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามอำนาจหน้าที่แล้ว เนื่องจากเทศบัญญัติ
เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2545 ได้กำหนดให้นายกเทศมนตรีมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามเทศบัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกระเบียบ
ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามเทศบัญญัตินี้ ฉะนั้น การที่เทศบาลออกประกาศปรับค่าธรรมเนียมการเก็บขยะมูลฝอยใหม่จึงถือเป็นการออกกฎ
ข้อบังคับ ประกาศ เพื่อปฏิบัติตามเทศบัญญัติดังกล่าวนั่นเอง
คดีมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า
ประกาศเทศบาล เรื่อง การปรับอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บขยะมูลฝอย ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2547 ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
?
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า
พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 (มาตรา
18 และมาตรา 20) บัญญัติให้ราชการส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยภายในเขตพื้นที่ของตน
โดยมีอำนาจออกข้อกำหนดของท้องถิ่นในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการจัดเก็บขยะมูลฝอยได้แต่ไม่เกินอัตราตามที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย
และอัตราค่าธรรมเนียมอื่นๆ พ.ศ. 2545 ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติสาธารณสุข
พ.ศ. 2535 ประกอบกับมาตรา 60
(2) แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496
ตราเทศบัญญัติเรื่องการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2545 ขึ้นโดยได้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บขยะมูลฝอยไม่เกินอัตราค่าธรรมเนียมท้ายกฎกระทรวงข้างต้น
เทศบัญญัติดังกล่าวจึงออกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
แต่เนื่องจากอำนาจในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะมูลฝอยนั้น
กฎหมายสาธารณสุขกำหนดให้เป็นอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1โดยต้องตราเป็นเทศบัญญัติ ดังนั้นเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่
1 ได้ออกเพียงประกาศเทศบาลเพื่อปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว
จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ออกประกาศโดยปราศจากอำนาจ
และเป็นการกระทำที่ก้าวล่วงเข้าไปในอำนาจของสภาเทศบาลและผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สาหรับการกระทำนั้น
อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่มีสภาพความร้ายแรงถึงระดับที่ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่
ไม่เคยมีอยู่เลย
ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษาให้เพิกถอนประกาศเทศบาล
เรื่อง การปรับอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บขยะมูลฝอย ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2547 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่
1 ตุลาคม 2547 อันเป็นวันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
(คดีหมายเลขแดงที่
อ.526/2554)
คดีนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า
การดำเนินการใดๆ ในทางปกครอง จะต้องตรวจสอบข้อกฎหมายที่ให้อำนาจอย่างรอบคอบเสียก่อน
หากกฎหมายให้อำนาจไว้เช่นใด ก็จะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ถ้า “ ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ ฝ่ายปกครองก็ไม่มีอำนาจ”
ครับ !
นายปกครอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น