เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายการขับเคลื่อนงาน สถ. และการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวง คณะผู้บริหารกระทรวง และ ผู้บริหารอปท. 7,849 แห่ง รับฟัง นายอนุทินกล่าวว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของทีมมหาดไทยทั้งหมด ขอเน้นย้ำให้ยึดหลัก "ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที" หวังว่า 3 คำนี้จะกลายเป็นภาพจำของประชาชน เมื่อคิดถึงการทำงานของมหาดไทย ส่วนการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว โดยตนเป็นประธาน นายชาดา เป็นรองประธาน ถือเป็นการใช้คนให้ถูกกับงาน และมีความเข้าใจ มีความสามารถในการขอความร่วมมือ เพื่อให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ลดลงไปจากสังคมไทยได้ นอกจากนี้ สถ.ต้องร่วมมือกับ อปท.คอยดูแลอย่าให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการข่มเหงรังแกทั่วไป การประมูลงานตามท้องถิ่นต่างๆ การเรียกทรัพย์สิน เท่าที่เห็นมารับเองเลย แต่โยนทิ้งแล้วบอกว่าไม่ใช่เงินตัวเอง ก็ตกใจว่าทำไมถึงกล้าทำขนาดนี้ ด้านนายชาดาให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อธิบดีกรมการปกครอง มอบหมายให้ปลัดจังหวัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลมาแล้ว จากนั้นจะแยกประเภทสี รูปแบบ ซึ่งตนเคยบอกไปแล้วผู้มีอิทธิพลถ้าไม่เลิกเจอแน่ และเราจะไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง ไม่ใช่ตัวอยู่ในเรือนจำหรือหนีไป แต่อาณาจักรยังอยู่แบบนี้ไม่ได้ รวมถึงต้องทบทวนการครอบครองอาวุธปืนสวัสดิการด้วย นายกฯ และรมว.มหาดไทย ให้นโยบายไว้แล้ว ถ้าใครมีชื่อเป็นผู้มีอิทธิพล จะตรวจสอบทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องปืน
| 'อนุทิน'เดินหน้าสถ.-ปภ. ชูทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที | มติชน ฉบับวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๖ | | หมายเหตุ - นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เมื่อวันที่ 25 กันยายน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเยี่ยมกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ประชาชนมักนึกถึงเป็นลำดับต้นๆ เมื่อพูดถึงกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ อันมีหน้าที่ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างครบวงจร ในวันนี้มีนโยบายสำคัญ ที่จะมามอบให้ ผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากรทุกคนได้ร่วมกันขับเคลื่อน โดยในการปฏิบัติหน้าที่ของทีมกระทรวงมหาดไทยทั้งหมดนั้น ขอเน้นย้ำให้ยึดหลัก ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที หมายความว่า ต้องรู้เท่าทันความเป็นไปของโลกเพียงพอที่จะเห็นวิกฤตและโอกาสที่จะมาถึงบ้านเรา และต้องมีความทันสมัยเข้าใจความเปลี่ยนแปลงในสังคม สามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งต้องมีความว่องไวคล่องตัวตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างทันท่วงที นั่นคือความหมายของการเป็นองค์กรที่ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที หวังว่าสามคำนี้จะกลายเป็นภาพจำของพี่น้องประชาชน เมื่อคิดถึงการทำงานของกระทรวงมหาดไทย สำหรับนโยบาย 10 ประการ ที่จะมอบ และขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ขับเคลื่อนมีดังนี้ 1.การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ โดยน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ โดยขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นน้อมนำเอาแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขในทุกมิติของชีวิต โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 2.น้ำดื่มสะอาดฟรี ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีค่าครองชีพสูงขึ้นจากการซื้อน้ำดื่ม โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ขยายผลให้ครัวเรือนเข้าถึงน้ำสะอาด ผ่านการก่อสร้างปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำอุปโภคบริโภค การพัฒนาระบบ ผลิตน้ำประปา และธนาคารน้ำใต้ดิน โดยให้ครอบคลุมพื้นที่ที่การประปาส่วนภูมิภาคให้บริการไม่ถึง รวมถึงการพัฒนามาตรฐานคุณภาพน้ำประปาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการสำรวจตรวจสอบคุณภาพอยู่เสมอ 3.การลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยขอให้ส่งเสริมการติดตั้ง Solar Cell และ Solar Rooftop ในสถานที่ราชการ และใช้กับไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะ เพื่อ ลดค่าใช้จ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระยะยาว พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Road Map) เพื่อเป็นแผนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่การขับเคลื่อนนโยบาย Carbon Neutrality ในปี ค.ศ.2050 ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายน้ำมันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยพิจารณาจัดหารถพลังงานสะอาด อาทิ รถพลังงานไฟฟ้า (EV) มาใช้งาน ทั้งนี้ ขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณานำร่องดำเนินการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และทำให้เป็นต้นแบบเพื่อนำสู่การขยายผลต่อไป 4.พลังงานสะอาด ส่งเสริมให้ครัวเรือนและชุมชน สร้างรายได้จากพลังงานสะอาด โดยการจัดตั้งธนาคารคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ทุกจังหวัดผ่านการปลูกไม้ยืนต้น การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน เพื่อจำหน่ายคาร์บอนเครดิตอย่างยุติธรรม และได้มาตรฐานในระดับสากล 5.จัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตรวจสอบติดตามผู้มีอิทธิพล ที่เป็นกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนความสงบเรียบร้อย หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเสนอราคา มีการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นจากการอนุญาตในเรื่องที่ตนมีอำนาจในทางมิชอบ เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข 6.บริการประชาชนแบบ One Stop Service มุ่งเน้นการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการให้บริการประชาชนผ่าน e-Service ยกระดับแพลตฟอร์มที่ใช้งานอยู่ให้มีประสิทธิภาพ สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายในแพลตฟอร์มเดียว รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการบริหารงานท้องถิ่นผ่านทางช่องทางออนไลน์ 7.อำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวหลักการดูแลนักท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ การสร้าง "ความปลอดภัย ความสะดวก และแรงดึงดูด" จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นวางแผนการพัฒนา แหล่งท่องเที่ยว พัฒนาระบบการดูแลความปลอดภัย สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว ใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ 8.ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่ายโดยขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนการจัดกิจกรรมตลาดนัดชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้คนในชุมชนสามารถนำสินค้ามาจำหน่าย และแสวงหาช่องทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเพิ่มโอกาสการจัดจำหน่ายด้วย 9.แก้ไขปัญหายาเสพติด ขอให้ส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคมของศูนย์คัดกรอง และศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพิจารณาให้ความช่วยเหลือ และสงเคราะห์แก่ "ผู้ป่วย" ที่ได้รับการฟื้นฟูสภาพทางสังคมตามอำนาจหน้าที่ 10.สนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ และการเตรียมความพร้อมท้องถิ่น รองรับสังคมผู้สูงอายุ เพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณสุขขั้นปฐมภูมิ และการสร้างเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน โดยสนับสนุนการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินีและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมยกระดับบริการต่อไป โดยต้องให้ความสำคัญกับบุคลากรทางด้านสาธารณสุข เรื่องความก้าวหน้า ค่าตอบแทน และงบประมาณในการดูแลปฐมภูมิ สำหรับประเด็นสังคมผู้สูงวัยนั้น ขอความร่วมมือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้มีสถานชีวาภิบาลประจำท้องถิ่นเพื่อบริบาลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีจนวาระสุดท้าย พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัยอย่างครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งรวมถึงการสร้างความเข้าใจกับประชาชนทุกเพศทุกวัยในครอบครัว เกี่ยวกับความต้องการเฉพาะของผู้สูงวัยทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วย ขอให้ทุกท่านนำผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้งในการปฏิบัติราชการ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความแจ่มใสและโปร่งใส ผมและผู้บริหารทุกคนในกระทรวงมหาดไทย พร้อมสนับสนุนภารกิจของท่าน ทุกประการ ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ ต่อการรับมือกับภัยพิบัติที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ โดยเฉพาะเมื่อสภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนแปลงไป บทบาทของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานกลางในการจัดการสาธารณภัยของประเทศ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย โดยมีแนวนโยบาย เกี่ยวกับการจัดการสาธารณภัยของประเทศ ได้แก่ 1.การเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยในภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเอลนิโญ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงในช่วงฤดูแล้งปี 2567 จึงขอให้จังหวัดเร่งกักเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอสำหรับการใช้ตลอดปี 2.การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขอให้ติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ รวมถึงเตรียมเครื่องมือ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยของจังหวัด 3.การอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขอให้จังหวัดโดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด กำหนดมาตรการและแนวทางการดูแลความปลอดภัยของสถานที่ท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ได้แก่ ให้มีป้ายแจ้งเตือน ป้ายบอกทางอพยพหลายภาษา ซึ่งตรวจสอบความถูกต้องของภาษาแล้ว ให้นักท่องเที่ยว ให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ ให้จังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลประสานผู้ประกอบการจัดให้มี Lifeguard หรือเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยชายฝั่ง 4.ความปลอดภัยทางถนน ขอให้ยึดเป้าหมายการลดอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ ให้เหลือ 12 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ภายในปี พ.ศ.2570 โดยให้ 1) บูรณาการเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เข้มงวดพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ เช่น การขับรถเร็ว เกินกว่ากฎหมายกำหนด ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย เป็นต้น 2) ให้หน่วยงานราชการกำชับให้ข้าราชการและบุคลากรปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น สวมหมวกนิรภัย ขณะขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ และการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง เมื่อขับขี่รถยนต์ 5.การยกระดับขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน ขอให้มุ่งเน้นให้ความรู้ในการประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านของอำเภอ และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็งในการจัดการสาธารณภัย รวมทั้งให้มีการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย โดยอาศัยชุมชนเป็นฐานให้มากขึ้น ขอให้พวกเรามีวิถีในการทำงานแบบทีมกระทรวงมหาดไทย ที่ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที ซึ่งสำคัญมากสำหรับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ต้องทำงานกับความเปลี่ยนแปลง และเผชิญวิกฤตอยู่เสมอ ขอให้ท่านเป็นผู้ที่รู้เท่าทันเหตุการณ์ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเห็นความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องเร่งด่วน ขอชื่นชมในภารกิจที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกท่านของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พวกเราทำงานแบบพี่น้อง และพร้อมสนับสนุนการทำงานในการปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยให้ประเทศเราสามารถลดความเสี่ยงเดิม ป้องกันความเสี่ยงใหม่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงปลอดภัย อย่างยั่งยืนสืบไป |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น