คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อบ.๑๕๗/๒๕๖๓
ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีรับราชการเป็นพนักงานเทศบาล ตำแหน่งนิติกร
ระดับ ๗ว สังกัดเทศบาลตำบลจัตุรัส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
เนื่องจากผู้ฟ้องคดีได้เสนอให้นายกเทศมนตรีตำบลจัตุรัสดำเนินการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งผู้ฟ้องคดี
ให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น จากตำแหน่งนิติกร ระดับ ๗ว เป็นระดับ ๘ว แต่เนื่องจากกรอบอัตรากำลัง
ของเทศบาลตำบลจัตุรัสมีเพียงกรอบอัตราตำแหน่งนิติกร ระดับ ๗ว จึงมีความจำเป็นต้องขอปรับ
ขยายระดับตำแหน่งให้มีตำแหน่งนิติกร ระดับ ๘ว ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาล
จังหวัดชัยภูมิ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล แก้ไข
เพิ่มเติม ฉบับที่ ๒๓ พ.ศ. ๒๕๕๐ และ ฉบับที่ ๓๔ พ.ศ. ๒๕๕๔ ต่อมา เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕
เทศบาลตำบลจัตุรัสได้เสนอขอปรับปรุงตำแหน่งนิติกร ระดับ ๗ว เป็นระดับ ๘ว ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
(คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดชัยภูมิ) แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในการประชุมเมื่อวันที่
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ได้มีมติให้ยกเลิกคำขอปรับขยายระดับตำแหน่งของเทศบาลตำบลจัตุรัส
ดังกล่าว เนื่องจาก ๑. รายละเอียดของภารกิจและปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจนถึงขนาดต้องทำให้
มีการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง ๒. การระบุภารกิจที่จะมอบหมายให้ผู้ที่ขอปรับระดับตำแหน่ง
รับผิดชอบ และ ๓. การเปรียบเทียบปริมาณงานก่อนและหลังการปรับปรุงการกำหนดระดับ
ตำแหน่ง ยังไม่มีความชัดเจน ปริมาณงานและภารกิจยังไม่มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อนที่ต้องใช้
ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับงานกฎหมาย ระดับ ๘ว มาปฏิบัติ ตามข้อ ๑๙๖ ของประกาศคณะกรรมการ
พนักงานเทศบาลจังหวัดชัยภูมิ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
ของเทศบาล ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖ แจ้งมติดังกล่าว
ให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้นายกเทศมนตรี
ตำบลจัตุรัสไม่สามารถออกคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งนิติกร ระดับ ๘ว และออกคำสั่ง
เลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่ผู้ฟ้องคดีในระดับที่สูงขึ้นได้ และส่งผลต่อระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง
ที่สูงขึ้น ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ของราชการ และสิทธิสวัสดิการที่ผู้ฟ้องคดีควรได้รับโดยชอบ
ด้วยกฎหมายต้องล่าช้าเกินสมควร และเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
(กระทรวงการคลัง) จะต้องรับผิดชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีตาม พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอน
มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ที่ยกเลิกคำขอปรับขยาย
ระดับตำแหน่งนิติกร ระดับ ๗ว ตำแหน่งเลขที่ ๐๗-๐๒๐๒-๐๐๑ เป็นระดับ ๘ว ที่เสนอโดย
เทศบาลตำบลจัตุรัส ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีมติเห็นชอบการขอปรับขยายระดับตำแหน่งนิติกร
ระดับ ๗ว เป็นระดับ ๘ว ที่เสนอโดยเทศบาลตำบลจัตุรัส โดยให้มีผลภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่
เทศบาลตำบลจัตุรัสเสนอขอปรับขยายระดับตำแหน่ง และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ รับผิดชดใช้
ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ยกเลิกคำขอปรับปรุง
ระดับตำแหน่งนิติกร ระดับ ๗ว เป็นระดับ ๘ว ของเทศบาลตำบลจัตุรัสนั้นเป็นคำสั่งทางปกครอง
ตามนัยมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ อย่างไรก็ตาม ข้อ ๑๙๖
ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดชัยภูมิ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับ
การบริหารงานบุคคลของเทศบาล ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่
๒๓ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๓๔ พ.ศ. ๒๕๕๔ ในส่วนของการปรับปรุงตำแหน่ง
ที่สูงขึ้นตั้งแต่ระดับ ๘ว หรือ ๘วช ๙วช หรือ ๙ชช ข้อ ๒.๔ ได้กำหนดให้เทศบาลตำบลจัตุรัส
โดยนายกเทศมนตรีตำบลจัตุรัสเป็นผู้เสนอขอปรับปรุงตำแหน่งระดับข้างต้นให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการประเมินผลงานความชำนาญการและความเชี่ยวชาญ
ของผู้ฟ้องคดีเพื่อเลื่อนขึ้นและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนิติกร ระดับ ๘ว ดังนั้น มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
จึงเป็นเรื่องระหว่างผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กับเทศบาลตำบลจัตุรัสซึ่งเป็นผู้ยื่นคำขอหรือเป็นคู่กรณี
ผู้ฟ้องคดีจึงมิใช่คู่กรณีในการพิจารณาทางปกครองของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ การกระทำหรือมติของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่มีมติยกเลิกคำขอของนายกเทศมนตรีตำบลจัตุรัสดังกล่าวไม่ทำให้ผู้ฟ้องคดี
ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จาก
คำสั่งทางปกครองดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ศาลปกครองจึงไม่อาจรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา
พิพากษาได้ ซึ่งความเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีอันเป็นเงื่อนไขในการฟ้องคดีนั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับ
ความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลปกครองสูงสุดมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาหรือ
มีคำสั่งได้ แม้ไม่มีคู่กรณีฝ่ายใดอุทธรณ์หรือยกขึ้นโต้แย้ง ทั้งนี้ ตามข้อ ๙๒ ประกอบกับข้อ ๑๑๖
แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ฯ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ศาลปกครองชั้นต้น
พิพากษายกฟ้องนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น