วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2565

บทเรียน'การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น' จาก Konrad Adenauer ถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

บทเรียน'การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น' จาก Konrad Adenauer ถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 
มติชน  ฉบับวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๕
          ศาสตราจารย์
          ดร.โกวิทย์ พวงงาม
          สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท
          ผมเคยตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดประเทศเยอรมนีซึ่งแพ้สงครามอย่างย่อยยับในสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงสามารถพลิกฟื้นกอบกู้ประเทศให้กลับคืนมาได้ภายใน 3 ทศวรรษ ท่ามกลางการที่ประเทศถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว แต่ก็สามารถกลับมารวมชาติเป็นหนึ่งเดียวได้ และกลายเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าทั้งทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ทรัพยากร รวมทั้งเป็นยักษ์ใหญ่ในยุโรป และเป็นแกนนำของกลุ่มประเทศอียู (European Union) ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งของความสำเร็จและความมั่นคงของเยอรมนี มาจากผู้นำของกลุ่มประเทศที่ชื่อ คอนราด อาเดเนาวร์ (Konrad Adenauer) ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนแรกของเยอรมันตะวันตก (First Chancellor) ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
          คอนราด อาเดเนาวร์ ชื่อเต็ม Konrad Hermann Josef Adenauer ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของเยอรมันตะวันตก หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2492 ถึง 16 ตุลาคม 2506 เป็นผู้ก่อตั้งพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (Christian Democratic Union : CDU) เขาเริ่มชีวิตการเมืองโดยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองโคโลญ (Cologne) ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งนี้นานถึง 16 ปี และในขณะเดียวกัน ปี 2472 การได้เป็นประธานสภารัสเซีย หรือสมาชิกสภาจังหวัด และเมื่อพรรคนาซีมีอำนาจในปี 2476 เขาถูกปลดให้ออกจากตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่ง และถูกจำคุกทางการเมือง 2 ครั้ง ในปี 2477 และ 2487 ผลของการติดคุกทางการเมืองนั่นเอง ทาให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และภายหลังสงครามโลกปี 2488 เมื่อเขาได้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) เขาเป็นความหวังหนึ่งของคนเยอรมันในการกอบกู้ชาติ
          ในปี พ.ศ.2491 ขณะนั้นเขาอายุ 72 ปี อาเดเนาวร์ ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้แทนราษฎรในการร่างรัฐธรรมนูญของเยอรมันตะวันตก และในปี 2492 เขาได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของเยอรมันตะวันตก (First Chancellor) และได้รับเลือกติดต่อกันสามสมัย และได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2506 ตอนอายุ 86 ปี และในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ Konrad Adenauer ได้ทำเพื่อกอบกู้ชาติทั้งทางด้านการต่างประเทศ การบูรณะประเทศโดยการปฏิรูปประเทศและสร้างประชาธิปไตยที่มั่นคง เขาได้ปลุกเชิญชวนคนเยอรมันตะวันตกร่วมกันสำนึกในการกอบกู้ประเทศภายหลังสงคราม
          สำหรับในส่วนของการวางฐานการสร้างชาติโดย การกระจายอำนาจสู่การปกครองท้องถิ่น ถือเป็น ผลงานเด่น นั่นก็คือ "การสร้างคนให้เป็นพลเมือง" ซึ่งไม่ใช่เฉพาะการให้สิทธิพลเมืองอย่างอิสระเท่านั้น แต่ให้พลเมืองมีความรับผิดชอบและสานึกในความเป็นชาติและร่วมสร้างประเทศให้ก้าวหน้า ส่วนในด้านการปกครองท้องถิ่น ได้มีการส่งเสริมให้พลเมืองสำนึกในความเป็นชุมชนท้องถิ่น ที่มีส่วนร่วมช่วยเหลือการบริหารงานท้องถิ่น ให้ผูกพันกับท้องถิ่น ที่จะต้องชำระภาษีค่าธรรมเนียมและค่าบริการอื่นๆ ให้แก่ท้องถิ่น นอกจากนี้ พลเมืองมีสิทธิตั้งกระทู้ถาม ร้องเรียน หรือให้ข้อเสนอแนะต่อสภาท้องถิ่น เป็นต้น
          ผมเข้าใจว่า "Adenauer" เขาได้ใช้โอกาสของเขาพลิกฟื้นประเทศทั้งใน "การสร้างพลเมือง" และ "การกระจาย อำนาจ" สู่ท้องถิ่น จากพื้นฐานที่เขามีประสบการณ์ ทั้งการเป็นนายกเทศมนตรีโคโลญ (Cologne) ประสบการณ์การต่อต้านเผด็จการฮิตเลอร์จนเขาถูกปลดจากตำแหน่งและถูกจำคุก ประกอบกับการต้องตกอยู่ในชะตากรรมในฐานะผู้แพ้สงคราม ก็ยิ่งยากลำบากและเมื่อเขาลุกขึ้นมา ได้ตั้งพรรคการเมือง จึงเป็นความหวังของคนเยอรมันว่าจะเข้ามากอบกู้บริหารประเทศในขณะนั้นให้ประสบความสำเร็จ โดยใช้ฐานชุมชนท้องถิ่นเป็นฐานในการพัฒนาประเทศ
          ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมเข้าใจว่ามีความตั้งใจไม่ต่างอะไรกับ Korad Adenauer แต่วิธีคิดแตกต่างกัน พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศในฐานะผู้ทำรัฐประหารที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ซึ่งคนไทยก็มีความหวังว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ที่มีการแบ่งฝ่ายแบ่งสี และประเทศมีการหมักหมมปัญหาต่างๆ ไว้มากมาย ซึ่งในช่วงหลังได้นำเสนอการปฏิรูปประเทศ และการวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ที่น่าเสียดายที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ให้ความสำคัญในการสร้างคนและสร้างพลเมือง รวมทั้งการไม่ให้ความสำคัญในการ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อพัฒนาให้เข้มแข็ง เป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศแต่อย่างใด
          แม้แต่เมื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในการจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 และได้เป็นแกนนำใน การจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมีความต่อเนื่องในความเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่เห็นความมุ่งมั่นในเรื่องนโยบายที่ จะนำเรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น หรือในฐานะผู้นำรัฐบาลที่จะเสนอแนวทางการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้มแข็งเพื่อเป็นหุ้นส่วนการทำงานให้กับรัฐบาลแต่อย่างใด
          จึงเกือบจะไม่มีเป็นผลงานที่เกี่ยวกับการกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่น ทั้งในการนำเสนอการปฏิรูปประเทศ และการเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว
          ผมไม่ได้กล่าวโทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่อย่างใด เพราะเห็นว่าประสบการณ์และพื้นฐานชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเหมือนกับ Konrad Adenauer ของเยอรมนี จึงอาจทำให้ความสนใจและความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น จึงมีน้อยหรือไม่มีก็อาจเป็นไปได้ ยิ่งการรับรู้ข้อมูลเรื่องการกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่นไปฝากความหวังไว้กับฝ่ายราชการส่วนกลางที่รวมศูนย์อำนาจ ก็อาจทำให้ความเชื่อมั่นเรื่องการสร้างชาติโดยชุมชนท้องถิ่น ก็อาจจะเชื่อไม่สนิทใจนัก หรืออาจไม่เชื่อก็อาจเป็นไปได้ ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะเติบโตมาจากการรวมศูนย์อำนาจจากส่วนกลางมากเกินไปด้วยหรือไม่
          เพราะฉะนั้น ในช่วงการบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงไม่แปลกอะไรที่จะบริหารจัดการประเทศแบบรวมศูนย์อำนาจ โดยการใช้ราชการส่วนกลางเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนประเทศที่มีราชการส่วนภูมิภาค จังหวัด อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นแขนขา ผสมผสานกับแนวทางแก้ไขปัญหาแบบแนวทางประชานิยม ในการเยียวยาประชาชนผู้เดือดร้อนในลักษณะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้ แม้จะ ได้รับความนิยมจากประชาชนอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงการเยียวยาชั่วครั้งชั่วคราว ขาดการวางรากฐาน ความเข้มแข็งของประชาชนให้พึ่งตนเองได้ และที่สำคัญละเลยการใช้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเครื่องมือหรือเป็นหุ้นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศอย่างน่าเสียดาย
          จึงไม่แปลกใจที่ตลอดระยะเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อบริหารประเทศ เราไม่ค่อยได้ยินจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ถึงนโยบายการกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่น การเสนอกฎหมายเพื่อพัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็ง ทั้งในแง่การจัดสัดส่วนงบประมาณให้ท้องถิ่นร้อยละ 35 หรือการพัฒนารายได้ให้ฐานะการเงินการคลังของท้องถิ่นมั่นคง และความคิดในการปฏิรูปท้องถิ่นให้เข้มแข็งก็ดี ความคิดที่จะพัฒนาบุคลากรโดยแก้กฎหมายบุคลากรท้องถิ่นให้มั่นคงก็ดี การถ่ายโอนอำนาจโดยลดอำนาจภาครัฐก็ดี สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ผู้นำประเทศไม่เคยประกาศ หรือนำเสนอในเชิงนโยบายให้ชัดเจนแต่อย่างใด แต่ก็มักจะปล่อยให้เป็นกลไกของฝ่ายประจำทำงานเสียมากกว่า
          ผมเข้าใจว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ย่อมเกิดมาจากความคิดของผู้นำประเทศอย่างนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสำคัญ และนี่คือจุดต่างไปจาก Konrad Adenanur ที่เขาใช้ฐานการสร้างชาติ โดยการสร้างพลเมืองและใช้ฐานการกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่น เป็นหลัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น