วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

โอน52รพ.สต.เข้าอปท.แล้วผอ.โพสต์หวั่นพาหมอติดคุก

โอน52รพ.สต.เข้าอปท.แล้วผอ.โพสต์หวั่นพาหมอติดคุก
มติชน (กรอบบ่าย)  ฉบับวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๑

          รพ.สต.เสียงแตก ปมถ่ายโอนไปสังกัดท้องถิ่น ประธาน ผอ.โพสต์ตั้งคำถามอื้อ หวั่นพาหมออนามัยไปแขวนคอ-เข้าคุก 'ปิยะสกล' ชี้เป็นนโยบายกระจายอำนาจ ต้องสมัครใจ-มีความพร้อม 52 แห่งจาก 9,800 แห่งไปอยู่กับ อปท.แล้ว
          เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในแวดวงสาธารณสุขของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างผ่านสังคมออนไลน์ ถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจมีมติเห็นชอบในหลักการเรื่อง การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. จากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยระบุว่า เป็นไปตามหลักการการ กระจายอำนาจให้แก่ อปท.นั้น
          ทั้งนี้ เพจ "ชมรม ผอ.รพ.สต.(ประเทศไทย)" มีบางคนกังวลว่า จะมีความพร้อมในการเชื่อมโยงต่างๆ จริงหรือไม่ เนื่องจาก รพ.สต.หลายแห่งอาจยังไม่พร้อม แต่หลายแห่งมีความพร้อม เพราะ รพ.สต.จะเน้นการให้บริการ ส่งเสริมป้องกันโรค และต้องทำงานกับคนในชุมชน คนในพื้นที่ และคนใน อปท. เป็นต้น แต่ที่กังวลคือ จะทำงานเชื่อมโยงกับ รพ.ในสังกัด สธ.ต่อไปได้หรือไม่
          ขณะที่นายริซกี สาร๊ะ เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุขแห่งประเทศไทย และเลขาธิการสมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ถึงความพร้อมในการถ่ายโอนด้วย โดยตั้งคำถามว่า "ชาว รพ.สต.เห็นด้วยกับการถ่ายโอน รพ.สต. ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ อปท. 2542 ในช่วงเวลานี้หรือไม่" โดยระบุให้กด "เห็นด้วย" หรือ "ไม่เห็นด้วย" พร้อมแสดงความคิดเห็นต่างๆ เบื้องต้นเห็นด้วยกว่า 62% และไม่เห็นด้วย 38%
          ด้าน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องของการกระจายอำนาจนั้นมีมติมากว่า 10 ปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ บางส่วนมีการดำเนินการเกิดขึ้นแล้ว โดยปัจจุบัน รพ.สต.ที่ไปอยู่ในความดูแลของ อปท. มี 52 แห่ง จาก รพ.สต.ทั่วประเทศประมาณ 9,800 แห่ง ซึ่งทาง สธ.ได้พยายามไปวิเคราะห์โดยมีทีมงานของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เป็นผู้ทำการศึกษาวิจัย รพ.สต.จำนวน 52  แห่ง และมี 2 แห่ง ที่เพิ่งออกไปล่าสุดเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยทั้งหมดผลออกเป็นครึ่งๆ คือ มีทั้งบวกและลบ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความพยายามเหมือนเดิม คือ การมอบอำนาจหรือกระจายอำนาจสู่พื้นที่ คือ อปท. แต่การมอบอำนาจโดยหลักการคือ ต้องมีความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ที่จะถ่ายโอนไป และผู้ที่รับไปดูแล ซึ่งต้องมีการเชื่อมโยงการบูรณาการกันเพื่อทำประโยชน์แก่ ประชาชน
          พญ.มยุรา กุสุมภ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า เบื้องต้น รพ.สต.หลายแห่งที่ออกไปก็รู้สึกดี โดยในความเห็นส่วนตัวเห็นว่าการทำหน้าที่หลักของ รพ.สต.จะเป็นเรื่องของการส่งเสริมป้องกัน ดูแลประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องดูแลรับผิดชอบตั้งแต่ตัวเอง คนป่วย และหน่วยงานในท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ที่จะดูแล ส่วนการสนับสนุนของ รพ.สต.ที่ไปอยู่ปลายทาง ดังนั้น ทางท้องถิ่นสามารถทำงานได้ แต่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมว่า บทบาทของแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ต้องมีการหารือร่วมกันในทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาความพอดีและเหมาะสม โดยนำตัวอย่างที่เกิดขึ้น สถานการณ์ปัจจุบัน และนำกฎหมายที่มีมาร่วมวางแผนให้ชัดเจนและดำเนินการให้จริงจังขึ้น
          นายทวีศักดิ์ ศรีทองกิติกูล ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และประธานมูลนิธิปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เห็นด้วยการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ให้ อปท. ทั้งเทศบาลและ อบต. ตามหลักการเริ่มต้นด้วยความสมัครใจ สำหรับ อปท.ที่มีความพร้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพในการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ แต่ อปท.บางแห่งที่ยังไม่มีความพร้อม ไม่ควรรับการถ่ายโอน
          "การถ่ายโอนในช่วงแรกรัฐบาลควรยกเว้นหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายประจำด้านเงินเดือน หรือค่าตอบแทนอื่นของบุคลากรไม่เกินร้อยละ 40 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อไม่ให้มีผลกระทบ ล่าสุดทราบว่าเรื่องนี้มีกระแสสนับสนุนจากบุคลากรของ สธ. เนื่องจากประเมินว่า อปท.มีความพร้อมและศักยภาพในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข ต่างจากในอดีตที่มีเสียงคัดค้าน
          นางเพ็ญจันทร์ วสุนธรารัตน์ ผู้อำนวยการ รพ.สต.ศรีนคร ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะ รพ.สต.ที่มีผลงานดีเด่น ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ สธ. กล่าวว่า การถ่ายโอนภารกิจไป อบต.หรือเทศบาล ต้องมองประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับ ทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่ดีมากกว่าปัจจุบัน ซึ่ง สธ.เน้นภารกิจให้ รพ.สต.รักษาผู้ป่วยมากกว่าแนวทางการส่งเสริมและป้องกัน ที่ผ่านมา รพ.สต.ศรีนครยืนยันว่ามีความพร้อมในการถ่ายโอนภารกิจ แต่ติดขัดปัญหาจาก อบต.ในพื้นที่ไม่มีความพร้อม เท่าที่ควร ทั้งวิสัยทัศน์และการกำหนดนโยบายด้านสาธารณสุขของผู้บริหาร บุคลากรที่เกี่ยวข้องและปัญหาจากงบประมาณไม่ เพียงพอ
          "ขณะนี้มีปัญหาจากการบริหารงบจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ หลังจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. โอนงบให้ อบต.สมทบอีก 10% สำหรับส่งเสริมสุขภาพประชาชนรวมค่าใช้จ่ายรายละ 47 บาทต่อปี มีปัญหาการบริหารจัดการพอสมควร เนื่องจากต้องกำหนดให้แต่ละชุมชนทำโครงการด้านสุขภาพ เพื่อเสนอของบประมาณดังกล่าว แต่ อบต.ยังไม่มีเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข ขณะที่ในอดีตมีข้าราชการสาธารณสุขหลายรายขอโอนย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในเทศบาลและ อบต. แต่ส่วนใหญ่จะขอย้ายกลับต้นสังกัดจากปัญหาของระบบการบริหารภายใน และความก้าวหน้าในสายงาน" นางเพ็ญจันทร์กล่าว
          นางสายใจ เลิศวิริยะประภา นายกเทศมนตรีเมืองเขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี เปิดเผยว่า เทศบาลเมืองเขาสามยอด เป็น อปท.นำร่องในการถ่ายโอน รพ.สต.มาสังกัด อปท. โดยรับการถ่ายโอนตั้งแต่ปี 2550 แต่ รพ.สต.ในสังกัดไม่ค่อยมีบทบาทมาก นอกจากทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น ทำแผล ล้างแผล ตรวจเช็กคัดกรองเบื้องต้น เนื่องจากเขตเทศบาลเมืองเขาสามยอดมีโรงพยาบาลประจำจังหวัดอยู่ในตำบลอยู่แล้ว
          นายนันทพล พงศธรวิสุทธิ์ นายกเทศมนตรีตำบลสันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เทศบาลรับถ่ายโอน รพ.สต.มาตั้งแต่ปี 2551 โดยประชาคมตำบลลงมติเห็นชอบ และเทศบาลมีความพร้อม รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์สมัครใจถ่ายโอนมาอยู่กับเทศบาล ปัจจุบัน รพ.สต.ดูแลประชาชน 12 หมู่บ้าน กว่า 11,400 คน มีบุคลากรทางการแพทย์รวม 24 คน มีเตียงรองรับผู้ป่วยกว่า 10 เตียง และอยู่ในเครือข่ายของโรงพยาบาลประจำอำเภอสันทราย
          นายนพดล ณ เชียงใหม่ นายก อบต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า อบต.รับถ่ายโอน รพ.สต.เมื่อปี 2551 โดยตอนแรกบุคลากร รพ.สต.ไม่อยากถ่ายโอนมาสังกัด เนื่องจากเป็นห่วงและกังวลเรื่องค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการที่เคยได้รับจาก สธ. หรือมีความรู้สึกว่ามาเป็นลูกน้องนักการเมือง แต่พอมาสังกัด อบต.กลับพบว่า การบริหารจัดการคล่องตัวมากกว่า ลดระเบียบและขั้นตอนปฏิบัติไปได้มาก ทำให้การบริการประชาชนมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และตรงกลุ่มเป้าหมายเนื่องจากมีการคัดกรองผู้ป่วย หรือผู้ใช้บริการอย่างเป็นระบบ
          ด้านนายสมศักดิ์ จึงตระกุล ประธาน ผอ.รพ.สต.แห่งประเทศไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีคำถามหลายประเด็น ระบุว่า ประชาชนได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างไร รวมทั้งมีคำถามจากการเชื่อมโยงระบบสุขภาพดีกว่าเดิมหรือไม่ สหวิชาชีพเพื่องานบริการมีความพร้อมหรือไม่ หากเกิดการระบาดของโรคเอาอยู่หรือไม่ ความพร้อมองค์ความรู้ทางวิชาการ การเตรียมความพร้อมของ อปท.ทั้งโครงสร้างของกองหรือสำนักงาน อปท.ใช้งบบุคลากรเต็ม 40% กี่แห่ง จะเพิ่มบุคลากรใน รพ.สต.ได้หรือไม่ ชื่อตำแหน่งสายงานตรงกันหรือไม่ มีเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการพิเศษ ระดับ ซี 8 ให้ รพ.สต.หรือไม่ การเลื่อนไหลเงินเดือนของบุคลากร หากไม่มี ใบประกอบวิชาชีพจะบริการอย่างไร คดีทุจริตค้างอยู่ใน ป.ป.ช.กี่หมื่นคดี จะพาหมออนามัยไปแขวนคอเข้าคุกหรือจะพาประชาชนไปตายทางสุขภาพ 19 ปีที่ผ่านมา...คือคำตอบการถ่ายโอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น