Smart ไทยแลนด์: กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ชี้แจงแนวทางการใช้เงินสะสมทดรองจ่าย

Smart ไทยแลนด์: กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ชี้แจงแนวทางการใช้เงินสะสมทดรองจ่าย

โพสต์ทูเดย์  ฉบับวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยถึงแนวทางในการใช้จ่ายเงินสะสมทดรองจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินเบี้ยความพิการ เงินค่าอาหารกลางวัน เงินค่าอาหารเสริมนม และเงินอุดหนุนให้หน่วยงานอื่นเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ กรมฯ จึงแจ้งแนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมทดรองจ่ายไปพลางก่อน กรณีดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติ           สำหรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ โดยกรณีผู้มีสิทธิได้ยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินเบี้ยความพิการรายใหม่เพิ่มขึ้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถโอนงบประมาณรายจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินเบี้ยความพิการในส่วนที่เพิ่มขึ้นได้ หากงบประมาณไม่พอต่อการบริหาร อาจขอทำความตกลงกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทน ในการนำเงินสะสมทดรองจ่ายไปพลางก่อน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินเบี้ยความพิการในเขตพื้นที่กับข้อมูลในระบบสารสนเทศการจัดการฐานข้อมูลเงินเบี้ยยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ตรงกัน ทั้งนี้ การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม           ส่วนค่าอาหารกลางวันและค่าอาหารเสริมนม ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการในแนวทางเดียวกันกับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ โดยต้องตรวจสอบจำนวนเด็กของสถานศึกษากับข้อมูลในระบบสารสนเทศขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ตรงกัน หากได้รับการจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอ ให้รายงานจังหวัดเพื่อแจ้งกลับมาที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อเสนอของบประมาณเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรต่อไป