เหนี่ยวไก: ต่อยอด |
โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ |
นาย ป. ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกตัวเสมอว่าทุกนโยบายที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) งัดออกมาอัดฉีดเม็ดเงินเอาใจพี่น้องประชาชนระดับรากหญ้าทุกนโยบายไม่ใช่ประชานิยมที่หวังผลทางการเมืองโดยไม่สนใจผลกระทบทางการเงินการคลังที่จะ ตามมาทำให้รัฐบาลเป็นหนี้หลังแอ่น แต่ยุครัฐบาลนี้ต่อยอด ขยาย ผลความสำเร็จจนเกิดเป็นนโยบาย "ประชารัฐ" โดยเน้นการมีส่วนร่วม จากภาคประชาชน การรับผิดชอบร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจ ทำให้เกิดสามประสาน โดยทุกนโยบายไม่ได้เป็นการ เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นโยบายที่รัฐบาลอ้างถึงผลสำเร็จในการต่อยอดคือ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง นับเป็นไม้เด็ดทางการเมืองในการกวาดคะแนนเสียงชาวบ้านของรัฐบาลในอดีต สิ่งที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงแนวทางสืบทอดนั้น คือเม็ดเงินที่รัฐบาล คสช.ทุ่มลงไปตั้งแต่ยึดอำนาจแต่ละปีนับหมื่นล้านบาท ล่าสุดปี 2561 ยังไม่ถึงกลางปี รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท กองทุนหมู่บ้านละไม่เกิน 3 แสนบาท เน้นนำไปประกอบอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้แนวทางประชารัฐ และโครงการไทยนิยมยั่งยืนที่รัฐบาลวางเป้าหมายไว้ เจ้าภาพหลักในการดำเนินการยังคงเป็นหน่วยงานรัฐ อาทิ กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เป็นมือเป็นไม้สำคัญ ให้รัฐบาลในการเดินโครงการต่างๆ ในรูปแบบผ่านเวทีประชาคม ดึงผู้นำชุมชน ชาวบ้าน หัวหน้าส่วนราชการโดยเป็นการมาร่วมคิดและร่วม ตัดสินใจว่าแต่ละหมู่บ้านหรือชุมชนจะทำโครงการใด เช่น ขุดบ่อน้ำ ซ่อมแซมถนน สร้างลานมันสำปะหลัง จัดซื้อเครื่องมือการเกษตร หรือเครื่องสีข้าวขนาดเล็กในชุมชน เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่แปลกทุกครั้งที่ลง พื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จะย้ำว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้หาเสียง แต่จะต่อยอด ขยายผลให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านฯ มีทั้งสิ้น 79,593 กองทุน สมาชิกประมาณ 13 ล้านคน สามารถยกระดับขึ้นเป็นสถาบันการเงินชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 2,560 แห่ง มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 3 แสนล้านบาท ตามนโยบายประชารัฐ รัฐบาลยกระดับให้กองทุนหมู่บ้านฯ เป็นนโยบายสำคัญ เนื่องจากตอบโจทย์ เป็นแหล่งเงินทุนให้ประชาชนสามารถทำมาหากิน มีเงินทุนเพื่อการผลิตและนำสินค้าไปเสนอขายในช่องทางต่างๆ ได้ ยิ่งล่าสุดรัฐบาลเตรียมจัดมหกรรมการแสดงผลงานของโครงการกองทุนหมู่บ้านฯ ตามแนวทางประชารัฐ และไทยนิยมยั่งยืน ระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ เพื่อโชว์ออฟว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศได้เทงบประมาณเอาใจพี่น้องระดับฐานรากไปมากขนาดไหน เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านฯ ทำหน้าที่กึ่งๆ หัวคะแนนฐานเสียงทางการเมืองให้รัฐบาลผ่านเวทีประชาคมในการถ่ายทอดนโยบายรัฐบาลลงพื้นที่ได้รวดเร็วที่สุดแบบถึงเนื้อถึงตัวชาวบ้านโดยตรง คิดง่ายๆ ภาคอีสานฐานเสียงสำคัญทางการเมือง เพียงแค่ภาคเดียวมี 20 จังหวัด มีจำนวนกองทุนหมู่บ้านฯ 34,108 กองทุน คิดเป็น 42% ของกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศ ดังนั้นเฉพาะแค่ภาคอีสานภาคเดียว มีสมาชิกกองทุน 5.5 ล้านคน จึงอาจกล่าวได้ว่าภาคอีสานเป็นภาคที่ได้รับอานิสงส์มากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เกือบ 4 ปีรัฐบาลจัดงบไปเกือบแสนล้านบาท เพราะได้ช่วยให้คนจนได้เข้าถึงแหล่งทุน กระตุ้นการใช้จ่ายในภาคชนบท แถมได้คะแนนเสียงไปด้วยในตัว มีหรือรัฐบาลท็อปบู๊ตจะไม่ต่อยอดมาเป็นไม้เด็ดทางการเมืองเรียกคะแนนเสียงให้กับรัฐบาล |
เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวงงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ฅนเทศบาล
เมนูหลัก
ข่าวท้องถิ่น
ระเบียบบริหารงานบุคคลของพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานการบริหารงานบุคคลพนักงานส่วนท้องถิ่น
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
เหนี่ยวไก: ต่อยอด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น