วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สกู๊ปพิเศษ: ขรก.ท้องถิ่นบุกร้องมท.-กฤษฎีกา ขอความเป็นธรรมกรณียกเลิกบัญชีสอบ 8 อบต.


สกู๊ปพิเศษ: ขรก.ท้องถิ่นบุกร้องมท.-กฤษฎีกา ขอความเป็นธรรมกรณียกเลิกบัญชีสอบ 8 อบต.
สยามรัฐ  ฉบับวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑

          ทีมข่าวภูมิภาค
          จากกรณีที่คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล(ก.อบต.) ในการประชุมครั้งที่ 12/2559 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม2559 ให้ ก.อบต.จังหวัดแม่ฮ่องสอนเพิกถอนมติที่รับรองบัญชีการสอบขององค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) รวม 8 แห่งที่ดำเนินการจัดสอบแข่งขันบุคคลภายนอกเข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบลเมื่อเดือนกันยายน 2558 ต่อมาคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีหนังสือหารือไปยังคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560 และคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้เชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งตัวแทนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มาให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม2560
          ล่าสุดสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ได้รับการประสานจากข้าราชการส่วนท้องถิ่นในสังกัด เทศบาล และ อบต.ในหลายจังหวัด ร้องขอให้เป็นหน่วยงานกลางในการนำคณะตัวแทนของข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง รวมทั้งการรับรองบัญชีการสอบแข่งขันของ อบต.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนรวม 8 แห่ง เข้าพบเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อรับทราบผลความคืบหน้าในการวินิจฉัยกรณี คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดแม่ฮ่องสอน(ก.อบต.จังหวัด) ได้มีหนังสือหารือเกี่ยวกับการเพิกถอนบัญชีการสอบแข่งขันขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้ง 8 แห่งรวมทั้งแนวทางการวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาตามกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
          นอกจากนี้ได้ขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล(ก.อบต.) และผู้บังคับบัญชาของข้าราชการในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ร้องขอให้คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองชะลอการพิจารณาเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2560 โดยขอเวลาที่จะส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อโน้มน้าวให้คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองวินิจฉัยเรื่องที่คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดแม่ฮ่องสอนหารือเป็นไปในทิศทางที่คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล (ก.อบต.) เคยมีมติไว้ เนื่องจากข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่มีรายชื่อตามบัญชี มีความวิตกกังวลในพฤติการณ์ที่ไม่ปกติของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในครั้งนี้ เนื่องจากอาจมีความพยายามสร้างพยานหลักฐานใหม่เพื่อให้การสอบของ อบต.ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้ง 8 แห่งในครั้งนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริต
          นายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในฐานะฝ่ายเลขานุการ ก.อบต. ได้ใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองก็ดี หรือใช้อำนาจของกระทรวงมหาดไทยก็ดีในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเดียวกันอยู่หลายครั้ง ทั้งที่มีการตรวจสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว และคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล (ก.อบต.) ก็ได้รับทราบแล้วว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวไม่มีการทุจริตดังปรากฏตามรายงานบันทึกการประชุมของคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล(ก.อบต.) ครั้งที่ 12/2559 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2559
          "ดังนั้นการที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอให้คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองชะลอการพิจารณาไว้นั้น ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมายและหลักคุณธรรมในกระบวนการบริหารงานบุคคล เนื่องจาก กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมิได้เป็นหน่วยงานที่หารือในประเด็นดังกล่าว การใช้อำนาจของตนเพื่อระงับหรือยับยั้งข้อหารือของคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดแม่ฮ่องสอนน่าจะมิชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจไม่เหมาะสมด้วยมารยาทของหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง"
          นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า พฤติการณ์ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะอย่างกว้างขวาง เนื่องจากการประวิงเวลามิให้คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองวินิจฉัยไปตามกระบวนการที่เหมาะสม ดังที่เคยปฏิบัติมาเสมือนเป็นการใช้อำนาจภายนอกแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี ทำให้ภาพลักษณ์ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองอาจถูกมองจากสังคมทั่วไปว่า"สามารถให้อำนาจอื่นแทรกแซงกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ได้" อันจะนำไปสู่ความเคลือบแคลงสงสัยลดความน่าเชื่อถือความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองในอนาคตได้
          "เมื่อคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล (ก.อบต.) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิหลายสาขา และตัวแทนขององค์การบริหารส่วนตำบลเป็นกรรมการ มีมติตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในฐานะฝ่ายเลขานุการเสนอต่อที่ประชุมเพื่อมีมติอย่างหนึ่งอย่างใด และคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลได้มีมติไปแล้วนั้น ย่อมจะเห็นได้ว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ใช้ความรอบคอบอย่างยิ่งแล้วบนข้อมูลที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีความมั่นใจ จึงได้เสนอให้มีการเพิกถอนบัญชีการสอบแข่งขันขององค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 8 แห่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยได้รับรองว่าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองว่าการที่คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลได้มีมติแนะนำให้คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพิกถอนบัญชีการสอบขององค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 8 แห่งโดยพลันนั้น อาจไม่ถูกต้องตามข้อกฎหมายระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลใช้เป็นข้ออ้างเพื่อให้บุคคลจำนวนมากได้รับความยากลำบาก ต้องพ้นจากความเป็นข้าราชการโดยไม่มีความรอบคอบหรือคำนึงถึงหลักคุณธรรม เมตตาธรรม ดังที่วิญญูชนทั่วไปจะพึงมี"
          นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นแล้วยังมีความพยายามยัดเหยียดข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตให้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 8 แห่ง รวมทั้งข้าราชการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในบังคับของตนเพื่อจักเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลได้เคยมีมติไปแล้วนั้นจึงเป็นการทำลายหลักคุณธรรมในกระบวนการบริหารงานบุคคล ลดความน่าเชื่อถือขององค์กร และขาดหลักเมตตาธรรมที่พึงมีต่อคนไทยด้วยกันเอง
          ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทยพร้อมด้วยข้าราชการส่วนท้องถิ่นจึงร้องทุกข์มายัง ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 8 แห่ง และข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งหรือขอรับรองบัญชีการสอบไปก่อนหน้านี้รวม 150 คน รวมทั้งผู้ที่ขึ้นบัญชีการสอบไว้ให้ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องนี้ด้วย
          "หลังจากนำตัวแทนข้าราชการส่วนท้องถิ่นไปยื่นหนังสือสอบถามความคืบหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทางรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คำตอบว่าอยู่ระหว่างการรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งทางกฤษฎีกาได้เร่งรัดไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาและทางกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นส่งหนังสือมาเมื่อเดือนมกราคมว่าอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงซึ่งยังไม่เสร็จสิ้นอย่างไรก็ตามรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่าได้นัดหมายคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองประชุมปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เพื่อพิจารณาว่าจะรอข้อเท็จจริง หรือจะวินิจฉัยเลย"
          นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการยื่นหนังสือที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อเราต้องการคำยืนยันว่าจะไม่มีการแทรกแซงผลการพิจารณาของกฤษฎีกาโดยใช้อำนาจใดๆไปข่มขู่พยานหลักฐานต่างๆ และสร้างพยานหลักฐานใหม่ขึ้นมา ซึ่งในส่วนของมหาดไทยทางสมาคมฯยังไม่ค่อยพอใจผลที่ได้รับมากนักเนื่องจากยังไม่มั่นใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะได้รับทราบหรือไม่เพราะการยื่นหนังสือที่กระทรวงมหาดไทย ได้มีการส่งตัวแทนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เป็นคู่กรณีในเรื่องดังกล่าวมารับเรื่อง ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องในความเป็นจริงต้องให้สำนักงานรัฐมนตรีมารับเรื่อง และให้รัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการของกระทรวงเองในการตรวจสอบสิ่งที่เราร้องขอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น