วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561

สายตรงท้องถิ่น: การพัฒนาองค์กรท้องถิ่นจาก ITA ท้องถิ่น

สายตรงท้องถิ่น: การพัฒนาองค์กรท้องถิ่นจาก ITA ท้องถิ่น
สยามรัฐ  ฉบีบวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑

          ศ.ดร.โกวิทย์ พวงงาม
          ผมเห็นว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นหน่วยงานที่นับว่าทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดหน่วยงานหนึ่ง เสียงของประชาชนในพื้นที่ย่อมเป็นสิ่งที่ช่วยสะท้อนการทำงานของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ดังนั้นข้อเสนอจาก "โครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดร้อยเอ็ด ประจำปีงบประมาณ 2560 (ITA) กรณีจังหวัดร้อยเอ็ด ประจำปี 2560" มีข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นที่มาจากประชาชนด้วย ซึ่งจากการเก็บข้อมูลและประมวลผลจากข้อเสนอของประชาชนต่อการบริหารงานของผู้บริหาร และการทำงานของ อปท. สามารถสรุปเป็นประเด็นต่างๆ ได้ ดังนี้
          (1) ประเด็นความโปร่งใสในการบริหารงาน ประชาชนในท้องถิ่นหลายแห่งต่างมีความเห็นในลักษณะที่ไม่มั่นใจต่อการบริหารงานของ อปท. ว่า มีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด การดำเนินการในหลายๆ เรื่องเป็นสิ่งที่ประชาชนอาจไมมีความรู้ความเข้าใจว่าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการนั้น มีความถูกต้องหรือไม่ ในบางกรณีอาจมีข้อครหาให้ได้ยินถึงความโปร่งใสในการบริหารโครงการต่างๆ หรือยังอาจมีข่าวการเรียกรับผลประโยชน์ของกลุ่มผู้บริหารจากกลุ่มผู้รับเหมาอีกด้วย
          (2) ประเด็นการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลความต้องการของประชาชน ในบาง อปท. ประชาชนยังต้องการให้ผู้บริหารหรือบุคลากรของ อปท. ลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เห็นถึงสภาพปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ของตนเอง เพื่อจะได้นำเอาความต้องการเหล่านั้นไปจัดทำเป็นแผนพัฒนาของท้องถิ่นต่อไป
          (3) ประเด็นการประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆของ อปท. ประชาชนเป็นจำนวนมากที่ตอบแบบสอบถาม มักให้ข้อมูลที่มีลักษณะเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อปท. ยังคงขาดการประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับประชาชนในท้องถิ่นค่อนข้างน้อย ทำให้ประชาชนส่วนมากไม่ทราบว่า อปท. มีแผนการที่จะดำเนินการในเรื่องอะไร หรือมีโครงการใดที่ดำเนินการอยู่บ้าง ซึ่งการขาดการสื่อสารที่ดีกับประชาชนนั้น มีความสัมพันธ์กับความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานของ อปท. ด้วย
          (4) ประเด็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการให้บริการแก่ประชาชนและมีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม สิ่งที่ประชาชนในท้องถิ่นมีความคาดหวังอย่างมากต่อการปฏิบัติงานของ อปท. ก็คือ ความคาดหวังให้บุคลากรของ อปท. ทั้งที่เป็นผู้บริหาร หรือฝ่ายข้าราชการประจำก็ตามมีความตั้งใจและเต็มใจในการให้บริการแก่ประชาชน ทั้งนี้ประชาชนคาดหวังให้บุคลากรของ อปท. ตั้งใจปฏิบัติงานให้ตรงตามเวลาราชการ มีความยิ้มแย้มแจ่มใส และเต็มใจในการให้บริการประชาชนอย่างเป็นมิตรนอกจากความคาดหวังให้บุคลากรของ อปท. มีความตั้งใจในการปฏิบัติงานแล้ว ประชาชนยังคาดหวังที่จะเห็นการปฏิบัติตนที่เหมาะสมและเป็นแบบอย่างที่ดี โดยในบาง อปท. ประชาชนให้ความเห็นในเชิงตำหนิต่อพฤติกรรมของบุคลากรของ อปท. เช่นการดื่มเหล้าในสถานที่ทำงาน เป็นต้น
          (5) ประเด็นการกระจายโครงการพัฒนาในพื้นที่ ความคิดเห็นของประชาชนในการปฏิบัติงานของท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอปท. ระดับบน อย่าง อบจ. นั้น ประชาชนคาดหวังการพิจารณาและการดำเนินการโครงการพัฒนาของ อปท. ในพื้นที่ต่างๆ ของ อปท.อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่ใช่มีลักษณะเป็นการดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์กับเฉพาะบางพื้นที่ที่เป็นฐานคะแนนของตนเองเท่านั้นเพราะลักษณะการดำเนินโครงการแบบดังกล่าวจะยิ่งเป็นการสร้างความรู้สึกที่แตกแยกในหมู่ประชาชน
          จากข้อมูลที่ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนได้แสดงความคิดเห็นมานั้น ผมเห็นว่า มีข้อเสนอเพื่อการแก้ไขซึ่งในบางปัญหาอาจจำเป็นต้องอาศัยการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องจึงจะสามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างจริงจัง แต่ในบางข้อปัญหา การแก้ไขทัศนคติในเชิงลบเหล่านั้นอาจทำได้โดยอาศัยการปรับปรุงรูปแบบและกระบวนการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเหล่านั้น ซึ่งแนวทางการปรับปรุงการบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อลดทัศนคติเชิงลบที่มีต่อองค์กรและผู้บริหารของ อปท. อาจกล่าวสรุปได้ดังนี้
          1.การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารและช่องทางในการเผยแพร่จากการที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยยังคงมีทัศนคติที่ว่า อปท. ยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของท้องถิ่น
          ให้แก่ประชาชนนั้น ดังนั้นแล้ว ย่อมมีความจำเป็นที่ต้องส่งเสริมให้อปท. ได้มีการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นให้ไปถึงประชาชนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
          ทั้งนี้แม้ว่าการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของ อปท. อาจเป็นตัวชี้วัดในการประเมินการทำงานของ อปท.ตามปกติอยู่แล้วก็ตาม แต่เมื่อความเห็นของประชาชนออกมาเช่นนี้ นั่นย่อมหมายความว่าในทางปฏิบัติประชาชนยังเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารเหล่านั้น อปท. จึงจำเป็นต้องทบทวนถึงช่องทางที่ยังอาจมีความเหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น เช่น ยังอาจจำเป็นต้องใช้ช่องทางพื้นฐานแบบเดิมๆอย่างเสียงตามสาย หรือการจัดเทศบาล หรือ อบต. เคลื่อนที่ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้บริหารหรือบุคลากรของ อปท. ได้พบปะและพูดคุบกับประชาชนให้มากยิ่งขึ้น หรือออาจต้องอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หากว่าประชาน
          สามารถเข้าถึงได้ เป็นต้น
          2.การให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการบริหาร ตรวจสอบ และประเมินผลการทำงานของท้องถิ่น แม้ว่าโดยกฎหมาย ระเบียบ รวมถึงแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องจะได้มีการกำหนดให้ประชาชนต้องเข้ามา
          มีส่วนร่วมกับ อปท. ในการบริหารงานอยู่แล้วก็ตาม แต่เพื่อให้การบริหารงานของท้องถิ่นมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น อปท. จึงอาจจำเป็นต้องดึงเครือข่ายภาคประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในท้องถิ่น
          มากยิ่งขึ้น โดยในการดึงเอาเครือข่ายภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมนั้น อาจจำเป็นต้องทำมากกว่าที่กฎหมายหรือระเบียบที่กำหนดไว้เป็นภาคบังคับ ส่วนในกรณีของการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่ระเบียบหรือกฎหมาย ได้บังคับไว้อยู่แล้ว กระบวนการการมีส่วนร่วมก็ควรต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นการดำเนินการแต่เพียง
          เฉพาะรูปแบบหรือในทางเอกสารเท่านั้น เช่น กระบวนการทำแผนพัฒนาท้องถิ่น ความเห็นของประชาชนก็ควรต้องมีการนำมาเป็นหลักสำคัญในการจัดทำแผนอย่างจริงจัง
          3.การปรับปรุงระบบการบริหารงานบุคคลของ อปท. จากการที่บุคลากรที่ปฏิบัติงานอยู่ใน อปท. มองว่าในบางองค์กร บุคลากรที่ปฏิบัติงานใน อปท. ยังอาจมีจำนวนที่น้อยจนเกินไปนั้น คณะกรรมการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับจังหวัดจำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว โดยต้องพิจารณาถึงจำนวนของบุคลากรในแต่ละตำแหน่งในแต่ละองค์กรให้มีความเหมาะสมกับความจำเป็นของแต่ละ อปท. มากยิ่งขึ้น
          สำหรับในกระบวนการให้คุณให้โทษแก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานในท้องถิ่นที่อาจยังไม่เป็นธรรมนั้น ก็อาจมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานขอบุคลากรที่มีความเป็นระบบและมีความชัดเจน ลดการใช้ดุลพินิจส่วนบุคคลในการประเมินลงให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้ผลการประเมินนั้นเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
          4.การอบรมและพัฒนาบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากประชาชนมีทัศนคติว่าบุคลากรของท้องถิ่นจำนวนหนึ่งยังขาดจิตสำนึกในการให้บริการที่ดีแก่ประชาชน ดังนั้น อปท.อาจจำเป็นต้องมีการจัดการฝึกอบรม เพื่อปลูกฝังและพัฒนาจิตสำนึกในการให้บริการที่ดีต่อประชาชน โดยการฝึกอบรมนี้ควรจัดให้มีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และให้เป็นลักษณะของภาคบังคับที่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมการฝึกอบรมที่จัดขึ้นยังอาจรวมไปถึงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะบางอย่างที่มีความจำเป็นต่อการปฏิบัติงานบุคลากรของอปท. ด้วย ทั้งนี้การฝึกอบรมดังกล่าวอาจเป็นการจัดหลักสูตรร่วมกันระหว่าง อปท. ภายในจังหวัด ก็จะช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายของ อปท. ได้ด้วยทางหนึ่ง
          ในการให้ความรู้และการอบรมบุคลากรของท้องถิ่นในที่นี้ผมเห็นว่า มิใช่หมายถึงแต่เพียงบุคลากรฝ่ายประจำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังอาจหมายรวมถึงการอบรมผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย โดยผู้บริหารของ อปท. เองก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการศึกษาอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ เครื่องมือตลอดจนทักษะด้านการบริหารใหม่ๆ เพื่อให้ผู้บริหารเหล่านั้นเป็นผู้บริหารที่มีศักยภาพและมีความทันสมัยพร้อมที่จะบริหารงานท้องถิ่นภายใต้สถานการณ์ที่นับวันจะยิ่งมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น