วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559

ส่อง'20กฎหมาย'เร่งด่วนสปช. ต้นแบบร่างแผนปฏิรูปฉบับสปท.


ส่อง'20กฎหมาย'เร่งด่วนสปช. ต้นแบบร่างแผนปฏิรูปฉบับสปท. 
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙ 
         ดารากร วงศ์ประไพ      
          ต้อง ถือว่าภารกิจการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ถือเป็นหน้าที่หลักของ "สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)" ภายใต้การนำของ "ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ" โดยโจทย์ที่สปท.ทั้ง 200 คนจะต้องเร่งดำเนินการภายใต้กรอบระยะเวลา 1 ปี 6 เดือนที่เหลืออยู่นั้น คือการสานต่อแผนปฏิรูปที่ "สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)" ได้ดำเนินการไว้ โดยเชื่อมโยง กับแม่น้ำ 5 สาย ที่ได้กำหนดกลไกการทำงาน เพื่อความเป็นเป็นเอกภาพโดยผ่านคณะกรรมการ 6 ฝ่าย ทั้งนี้ในส่วนของแผนการขับเคลื่อน การปฏิรูปซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 11 ด้านนั้น ได้ถูกเสนอแผนการปฏิรูปแก่ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สปท.จัดทำแผน ปฏิรูปประเทศและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมาย ที่สำคัญ 4 ฉบับ รวมทั้งยังมีกฎหมายรวม 20 ฉบับที่สปช.เห็นว่าที่มีความสำคัญสูง ที่จำเป็นจะต้องทำก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งต่อไป ก็เป็นไปได้ว่า สปท.อาจจะมีการหยิบยกกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูป
          โดย ทั้ง 20 ฉบับนั้นประกอบด้วย
1.การแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)คณะกรรมการกฤษฎีกา และ
2.การแก้ไขพ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายโดยทั้ง 2 ฉบับมีสาระสำคัญเพื่อแบ่งอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับร่างกฎหมายที่สามารถทำให้ได้ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของประชาชนและสังคมโดยรวม และปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนโดยใช้หลักต่าง ตอบแทน
3.การแก้ไขประมวลรัษฎากรใหม่ โดยให้ผู้มีเงินได้ทุกคน มีหน้าที่ยื่นแบบต่อกรมสรรพกร พร้อมมีการเพิ่มบทลงโทษ ผู้ที่ไม่ยื่นแบบแสดงเงินให้มากกว่าโทษเดิมคือปรับไม่เกิน 2,000 บาท
4.การแก้ไข พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ โดย ยกเลิกพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 แล้วร่างกฎหมายฉบับใหม่ชื่อ "ร่างพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะพ.ศ. ..." ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยและเข้าถึงข้อมูลข่าวสาธารณะ ให้ประชาชน รับรู้และแสดงความเห็นเพื่อประกอบการ จัดทำและตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น
5.การแก้ไขพ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 โดยปรับปรุงมาตรา 52 วรรคสามยกเลิกบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการ จัดสรรงบประมาณได้โดยตรง และในส่วนราชการตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ เนื่องจาก มีเนื้อหาซ้ำซ้อนกับพ.ร.บ.วิธีงบประมาณฯ ที่จะมีการแก้ไขปรับปรุง  
6.การแก้ไขพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2502  ซึ่งมีการเพิ่มบทบัญญัติในหมวด 3 เรื่องการจัดทำงบประมาณโดยกำหนดกระบวนการงบประมาณเชิงพื้นที่ให้ภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมตัดสินใจในกระบวนการงบประมาณเพื่อสร้างความเข้มแข็งของภาค ประชาชนในกระบวนการงบประมาณอย่างเป็นระบบ
7.การแก้ไข พ.ร. บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม 2545 เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการผังเมืองและการใช้พื้นที่แห่งชาติขึ้นในสำนักนายก รัฐมนตรี รวมทั้งการโอนอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สินและงบประมาณ ของกรมโยธาธิการและผังเมืองกระทรวงมหาดไทย บางส่วนไปเป็นอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการผังเมืองและการใช้พื้นที่แห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
8.การแก้ไขกฎหมายว่าด้วยองค์กรบริหารท้องถิ่นและการกระจาย อำนาจ มีการปรับปรุงพ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง ท้องถิ่น พ.ศ.2542 เพื่อให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอโครงการและความต้องการงบประมาณ เพื่อกำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลในแต่ละปี งบประมาณ
9.การแก้ไขพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เพิ่มอัตราโทษ ในการกระทำความผิดกรณีให้สินบนกับ เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยแบ่งเป็น ก.ความเสียหายตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปต้องระวางโทษจำคุก 5-10 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ข.ความเสียหายตั้งแต่ 50 ล้านบาท ขึ้นไปต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-10 ปี  ปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ  และ ค.ความเสียหายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ต้องระวางโทษจำคุก 7-20 ปีหรือปรับไม่เกิน 300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
10.การแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าขึ้น เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว สอดส่องพฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ รวมทั้งเสนอแนวทางในการส่งเสริมพัฒนากำกับดูแล ป้องกันการใช้อำนาจเหนือตลาด การรวมธุรกิจ การลดและการจำกัดการแข่งขันในการประกอบธุรกิจ
11.การแก้ไขกฎ มายเพื่อปฏิรูปโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ตำรวจ ในการปรับโครงสร้างการปฏิรูปโครงสร้างคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) มีจำนวน 16 คน ที่กำหนดอำนาจเพิ่มเติมให้มีหน้าที่พิจารณา แต่งตั้งผบ.ตร. โดยตำแหน่งประธานก.ตร. ให้คัดเลือกจากอดีตข้าราช การตำรวจระดับ รองผบ.ตร.หรือเทียบเท่าขึ้นไป
12.ร่างพ.ร.บ. ยุทธศาสตร์ชาติพ.ศ. ... ซึ่งกำหนดให้ยุทธศาสตร์มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 20 ปี และอาจพิจารณาทบทวนทุก 5 ปี หรือเมื่อสถานการณ์กระทบต่อเป้าประสงค์หลักตามยุทธศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ โดยคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่กำหนดแนวทาง เป้าหมาย การพัฒนา รวมทั้งกำหนดแนวทางการจัดสรรงบประมาณ ทรัพยากรของประเทศ เพื่อสนับสนุนผลสัมฤทธิ์ตามยุทธศาสตร์ชาติแต่ละห้วงเวลา รวมทั้งการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลอีกด้วย
13.กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิชุมชน และสมัชชาพลเมือง โดยเพิ่มบทบัญญัติในหมวด 2 และหมวด 3 ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 โดยระบุให้การจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด มีกระบวนการจัดทำและนำเสนอโครงการโดยสมัชชาภาคพลเมืองเข้ามามีส่วนร่วมและ เสนอโครงการในการจัดทำแผน ดังกล่าวโดยตรง
14.ร่างพ.ร.บ.สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ... ทำหน้าที่ส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุม คนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ รวมทั้งทำหน้าที่เสริมสร้างความเข้มแข็งของหลักนิติธรรม และการสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลใน ทุกภาคส่วนและทุกระดับ
15.กฎหมาย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งสปช.มีข้อเสนอว่าอัตราภาษีควรเป็น แบบก้าวหน้าหรือไม่ การนำภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างที่ต้องชำระมาหักเป็นค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้บุคคลหรือไม่ 
16.ร่างพ.ร.บ.พัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพแห่งชาติ โดยให้อำนาจคณะกรรมการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพ(คปคช.) เป็นองค์กรสูงสุดในการบริหารจัดการ มีหน้าที่ทบทวนประสิทธิภาพการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ และมีอำนาจในการประเมินผล
17.ร่างพ.ร.บ.การจัดตั้งศาลคดี ทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ... ซึ่งเป็นศาลชำนาญการพิเศษมีอำนาจพิพากษาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยกฎหมายฉบับนี้ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
18.ร่างพ.ร.บ.การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ พ.ศ. ... ที่ให้ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่จัดทำรายละเอียดแผนงาน โครงการ และงบประมาณการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและการตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ เสนอต่อคณะกรรมการก่อนนำเสนอสำนัก งบประมาณพิจารณา
19.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและ ประโยชน์ส่วนรวมพ.ศ. ... กำหนดให้การกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อตน คู่สมรส บุตร ภรรยา หรือบิดามารดา  จะต้องรับโทษ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐ และให้ถือว่าความผิดดังกล่าวถือเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกถอดถอนออกจาก ตำแหน่ง โดยกฎหมายฉบับนี้ถือเป็น 1 ใน 4 กฎหมายเร่งด่วนที่สปท.ได้มีการพิจารณาไปแล้ว และ
20.ร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ พ.ศ. ... ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ โดยมีหน้าที่กำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ต่างๆ ด้านการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานด้านการศึกษาอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
          "ต้องปรับปรุงแก้ไขยกร่างขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นกลไกสำคัญการปฏิรูปประเทศ"





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น