วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การตั้งสถานประกอบการ ต้องเป็นไปตามผังเมือง

จะขายของเก่าทั้งที ยังต้องดูฮวงจุ้ยให้ดีอีกหรือไง ?

เทอดพงศ์  คงจันทร์
               “ทำขยะให้เป็นทอง” !!!
               คำนี้ว่ากันว่าเป็นวลีเด็ดของผู้ประกอบกิจการขายของเก่ากันเลยทีเดียว
               เรียกว่าจูงใจลูกค้าให้เอาของเก่าไม่ใช้แล้ว หรือเอาขยะมาขายแลกเป็นเงินกับร้านขายของเก่ากันได้ตลอด
               กะให้ถังขยะที่บ้านตกงานกันไปเลย .. ว่างั้น
               กิจการอย่างงี้ว่าไปแล้ว ก็เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งของสังคม เพราะนอกจากจะทำให้คนมีรายได้จากการนำ
เอาของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาขาย แถมยังเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปด้วยในคราวเดียวกัน
               เพราะขยะหรือของเหลือใช้พวกนี้ ยังเอาไปแปรรูปหรือรีไซเคิล เอากลับมาใช้ประโยชน์กันได้อีกหลายรอบ
               ตัวอย่าง เช่น เศษกล่องนม ก็เอาไปแปรรูปอัดเป็นโต๊ะเรียนหนังสือของนักเรียนได้ เป็นต้น ... เข้าท่าแฮะ
               แต่ร้านขายของเก่าถึงจะมีประโยชน์ ดีเด็ดดวงยังไงก็ตาม แต่ด้วยสภาพกิจการร้านค้าของมัน ที่รวมของเก่า
ทุกอย่างไว้ที่นั่น ... ก็อาจจะเป็นที่รวมสารพัดเชื้อโรคได้เช่นกัน
               กฎหมายจึงได้กำหนดให้ร้านค้าของเก่า เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และจะเปิดทำมาค้าขายได้
ก็ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เสียก่อน
               แถมซี้ซั้วเปิดไม่ดูทำเลที่ตั้งก็ไม่ได้นา เพราะมีกฎหมายผังเมืองเขากำหนดที่ทางที่จะเปิดทำการไว้ให้อีกว่า
จะเปิดตรงไหน โซนไหนได้บ้าง
               เรียกว่าจะเปิดขายของเก่ากันทั้งที ก็ต้องดูฮวงจุ้ยกันให้ดีๆ ก่อนนา ... ม่ายงั้น ก็จะเป็นเหมือนเรื่องซวย
ของน้าชายที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ไง
               เหตุของเรื่องที่จะเล่านี้อยู่ที่กรุงเทพนี่เอง  เรื่องราวก็มีอยู่ว่า น้าชายท่านนี้อยากประกอบกิจการ
ขายของเก่า ซึ่งตามกฎหมายถือเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะมีแต่สิ่งของที่ชำรุด ใช้แล้ว หรือเหลือใช้
เช่น พวกขวดแก้ว เศษกระดาษจิปาถะ อะไรทำนองนี้
               หลวงท่านจึงกำหนดว่า ใครจะเปิดร้านขายของเก่าในกรุงเทพได้ จะต้องได้รับใบอนุญาตจากผู้อำนวยการเขตเสียก่อน
               น้าแกรู้กฎหมายพอควร เลยไปยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการขายของเก่ากับผู้อำนวยการเขต
แต่ปะเหมาะเคราะห์ร้าย เพราะเจอท่านผู้อำนวยการเขตมีคำสั่งไม่อนุญาตเข้าให้ !!!
               เหตุผลก็คือว่า ที่ตั้งของร้านที่น้าชายแกจะเปิดกิจการนั้น ปรากฏว่าอยู่ในเขตต้องห้ามตามกฎหมายผังเมือง
               เพราะดันไปตั้งอยู่ริมถนนที่มีขนาดเขตทางแค่ 8 เมตร ครึ่ง แถมอยู่ในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย
ซึ่งที่ดินลักษณะนี้ หลวงท่านห้ามไม่ให้ใช้สำหรับซื้อขายหรือเก็บเศษวัสดุ
               งานเข้าเต็มๆ ซะแล้วไง ... น้าแกกะว่าเปิดร้านเมื่อไหร่ จะได้แปรขยะเป็นทอง ให้มันรวยไม่รู้เรื่องไปเลย ...
เงื้อค้างซะแล้วสิทีนี้ !?!
               ของอย่างนี้ ยังไงก็ยอมกันไม่ได้ เพราะน้าแกเชื่อว่าร้านขายของเก่าของแก ไม่ได้ก่อให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อมซะหน่อย
               หนอย ! อยู่ดีๆ ดันผ่าเอาเหตุผลเรื่องตั้งผิดกฎหมายผังเมือง มาเป็นเหตุไม่อนุญาตซะงั้น อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ
               น้าแกเลยกินดีหมีหัวใจเสือ เอาเรื่องมาฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของ
ผู้อำนวยการเขตที่สั่งไม่อนุญาตให้แกประกอบกิจการขายของเก่าซะให้รู้แล้วรู้รอดมันไปเลย
               คดีความฟ้องว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้ประชาชนทำมาหากิน
ตามความตั้งใจ เพราะอ้างเหตุเรื่องผังเมืองและความเป็นอยู่สุขอนามัยของประชาชนส่วนรวมอย่างนี้

               แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็น “คดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม” ที่ต้องฟ้องกันที่ศาลปกครองที่เดียวเลย
               คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตราย
ต่อสุขภาพ ประเภทการสะสมวัตถุหรือสิ่งของที่ชำรุด ใช้แล้ว หรือเหลือใช้ต่อผู้อำนวยการเขต
               โดยระบุในคำขอว่าสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สีเหลือง ประเภท ย. 3 และอยู่ติดถนนสาธารณะที่มี
ความกว้างเพียง 8.50 เมตร
               สถานประกอบการของผู้ฟ้องคดีจึงต้องห้ามมิให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการซื้อขายหรือเก็บเศษวัสดุ
ตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549
               และผู้อำนวยการเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น มีอำนาจตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535
ในการควบคุมการประกอบกิจการในเขตกรุงเทพมหานคร
               จึงมีอำนาจในการที่จะออกใบอนุญาตประกอบกิจการ หรือมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการ ถ้าไม่เป็นไป
ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
               และแม้ว่าใน คดีนี้ผู้ฟ้องคดีจะได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการการสะสมวัตถุหรือสิ่ง ของที่ชำรุดใช้แล้วหรือเหลือใช้
               โดยได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กิจการที่เป็น
อันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2544 ทุกประการก็ตาม
               แต่ผู้อำนวยการเขตก็ไม่อาจออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ฟ้องคดีได้ เนื่องจากกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549  กำหนดว่า ที่ดินประเภท ย. 3 ห้ามใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการซื้อขายหรือเก็บเศษวัสดุ
               เว้นแต่ที่ตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะที่มีขนาดเขตทางไม่น้อยกว่า 10 เมตร ยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนไป
เชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีขนาดเขตทางไม่น้อยกว่า 10 เมตร
               ดังนั้น การที่ผู้อำนวยการเขตได้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ประกอบกับ
กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีประกอบกิจการที่เป็นอันตราย
ต่อสุขภาพ ประเภทการสะสมวัตถุหรือสิ่งของชำรุด ใช้แล้ว หรือเหลือใช้ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
               ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษายกฟ้อง
               จะบอกคุณน้าว่า ก่อนเปิดร้านขายของเก่า คราวนี้คงต้องดูกฎหมายกันหนักๆ แล้วหละ หวังพึ่งซินแสดูฮวงจุ้ย
ให้อย่างเดียว ท่าจะไม่ไหวเสียแล้วนา.  (คดีหมายเลขแดงที่ อ.51/2553)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น