วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สมหมาย ปาริจฉัตต์: อปท.ส่งเสริมการอ่าน

สมหมาย ปาริจฉัตต์: อปท.ส่งเสริมการอ่าน
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

          พฤหัสฯที่แล้วผมเขียนถึงมาตรการใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังหาทางผลักดันออกมาใช้เร็วๆ นี้ คือ หาวิธีให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีเงินคงคลังเหลือจ่ายนับแสนล้านบาท นำไปลงทุนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก โดยขจัดอุปสรรคที่ท้องถิ่นประสบให้หมดไป
          ประเด็นสำคัญไม่ใช่เพียงแค่ช่วยหาทางลดปัญหาให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่นเท่านั้น แต่ต้องช่วยคิดต่อว่าองค์กรท้องถิ่นควรนำเงินที่สะสมไว้ไปใช้อะไรถึงจะเกิดประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า แต่ละโครงการที่ทำควรมีทิศทางอย่างไร
          ไม่เฉพาะมุ่งแต่กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ให้คิดถึงเป้าหมายทางสังคมด้วย เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการด้านการศึกษา เพื่อสร้างคนมากกว่าสร้างของ
          ยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถูกกล่าวหาว่าสนใจทำแต่โครงการที่มีเงินทอน การพัฒนายังคงมุ่งกระตุ้นการขยายตัวมากกว่าแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ผลพวงจึงตกอยู่กับพ่อค้า นักธุรกิจรายใหญ่ และคนเมืองที่มีกำลังมากกว่า
          ในเมื่อโอกาสมาถึง ประตูเปิดให้สามารถนำเงินสะสมที่มีอยู่มาใช้ได้ปลอดภัยขึ้น ทิศทางจึงไม่ควรมุ่งแต่กระตุ้นเศรษฐกิจ ธุรกิจฐานหลัก หรือฐานรากก็ตามอย่างเดียว การสร้างความเจริญเติบโต เสริมความเข้มแข็งทางด้านสังคม การศึกษา วัฒนธรรม สมควรทำอย่างยิ่ง ในยุคกระแสเทคโนโลยีไทยแลนด์ 4.0 สังคมไร้เงินสด แต่ไม่ไร้เงินทอน กำลังมาแรงขณะนี้
          เป้าหมายทางสังคม การศึกษา วัฒนธรรม ต่างหากที่เป็นตัวชี้วัด บ่งบอกถึงความยั่งยืน ที่คนระดับฐานรากได้ประโยชน์ในระยะยาว
          การนำเงินที่มีอยู่มาใช้ไม่ใช่กระตุ้นแต่เอสเอ็มอี เรื่องปากท้อง ทำมาหากิน ต้องมุ่งไปที่การสร้างความเข้มแข็งให้กับทุนมนุษย์ ทำมาหาเก็บเพื่อวันข้างหน้าด้วย โดยเฉพาะระดับล่าง หากได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา มีโอกาสลืมตาอ้าปาก หลุดพ้นจากความยากจน จึงควรรีบเร่งทำในคราวนี้
          อินเตอร์เน็ตชุมชนที่กำลังขยายไปทั่วทุกหมู่บ้านไม่ควรรองรับแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ธุรกิจเท่านั้น ต้องถูกออกแบบให้นำมาใช้ทางด้านสังคม การศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมด้วย เพิ่มพูนความรู้ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง
          ไม่ใช่เพียงแค่ได้สัมผัสเทคโนโลยี เครื่องมือทันสมัย แต่เนื้อหาสาระไม่ได้รับการพัฒนา
          โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้วัฒนธรรมการอ่านกลับคืนมา ให้เข้มแข็งเพื่อรู้เท่าทันสังคมออนไลน์ ดูแต่หน้าจอแต่ไม่ถึงใจ
          ทำให้ได้อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน คืนวันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2560 เรียกร้องการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน
          หนังสือทุกเล่ม ตัวหนังสือหรือประโยคต่างๆ ในหนังสือนั้นมีชีวิตจิตใจ เมื่อจิตวิญญาณของผู้เขียน คนอ่านสามารถติดตาม แล้วหาเหตุ หาผลไปได้จะมีความรู้สึกที่ซาบซึ้ง ลึกซึ้งมากกว่าที่จะอ่านข้อความสั้นๆ ง่ายๆ
          สำหรับนักเรียน นักศึกษา การเรียนหนังสือจากตำราเรียนอาจจะเพียงพอสำหรับการสอบ แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการทำงานในอนาคต อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ หลายเรื่องที่ไม่มีสอนในหลักสูตร เพราะสอนให้คิด เขาสอนให้สมองได้รู้จักการคิดเป็นกระบวนการ มีการคิดวิเคราะห์ตามหลักการ ตามวิชาการในหนังสือ แต่การที่จะเอาทุกอย่างมาร้อยเรียงต่อกันนี่ สติปัญญา สมองของเราจะต้องเป็นคนทำเอง ต้องอาศัยการค้นคว้าหาความรู้รอบตัวด้วยตนเอง รวมไปถึงการฝึกปฏิบัติ ลงมือทำด้วยตนเองด้วย
          สำหรับประชาชนทั่วไป นอกจากการสืบค้นข้อมูลผ่านโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว สื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ยังคงมีความจำเป็นและเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ บรรดาสถานีโทรทัศน์ วิทยุต่างๆ ควรจะสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับประชาชนไปด้วย นอกจากความบันเทิง
          ครับ เป็นโอกาสเหมาะ สอดคล้องกันพอดี ที่สถาบันการศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ 9 แห่ง ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำโครงการความร่วมมือ สานพลังเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และความรอบรู้ด้านสุขภาวะ
          เป้าหมายมุ่งแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก็ตาม แต่สุดท้ายก็คือการส่งเสริมสร้างวัฒนธรรมการอ่านให้เข้มแข็งยั่งยืนนั่นเอง
          เมื่อองค์กรท้องถิ่นทั่วประเทศจะได้รับการปลดล็อกนำเงินสะสมมาใช้ได้สะดวก กว้างขวางขึ้น การรื้อฟื้นหรือสร้างใหม่ก็ตาม โครงการห้องสมุดชุมชน ที่อ่านหนังสือหมู่บ้าน ที่ฟุบและฝ่อไป เพราะคนทัศนคติคับแคบ ต้องการโชว์ ผลงานว่าปราบคอร์รัปชั่นเจ๋ง เลยตัดและลดงบประมาณสนับสนุน
          โครงการทำนองนี้จึงเป็นเครื่องมือถ่วงดุลหรือหนุนเสริม กระแสปัญญาประดิษฐ์ที่ส่งผลให้คนยิ่งไม่อ่านหนังสือ เพราะเน้นดูจอเพื่อการจับจ่าย สะดวกสบาย และความสนุกสนานบันเทิง มากกว่าแสวงหาสาระและคุณค่า
          ฉะนั้น สมควรทำให้เรื่องนี้เป็นวาระท้องถิ่น ทั่วประเทศ สำคัญว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหลายที่ประกาศตัวว่ายุคนี้เปลี่ยนแล้วนั้น ในความเป็นจริง เปลี่ยนจริงหรือเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น