เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวงงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ฅนเทศบาล
เมนูหลัก
ข่าวท้องถิ่น
ระเบียบบริหารงานบุคคลของพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานการบริหารงานบุคคลพนักงานส่วนท้องถิ่น
วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562
สมหมาย ปาริจฉัตต์: กระจายอำนาจ....เสียงเรียกร้องแห่งศตวรรษ
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๒
เกาะติดละครการเมืองภาคนักการเมืองเดินสายยกมือไหว้ขอคะแนนแล้ว อย่าลืมติดตามการเมืองภาคประชาชนเดินเท้ารณรงค์เชิงนโยบาย ควบคู่กันไป นะครับ
ล่าสุด ที่ศาลหลักเมืองอุดรธานี ตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา กลุ่มคนไทยหัวใจอิสระ รักการปกครองตนเอง รวมตัวให้กำลังใจนายชัยฤทธิ์ หรือทนายแม็ค เชาวงศ์ทอง ผู้แทนเครือข่ายผู้นำยุคใหม่เพื่อการพัฒนาประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย กราบสักการะพระพุทธโพธิ์ทอง ศาลหลักเมืองและท้าวเวสสุวรรณ ก่อนออกเดินเท้ามุ่งหน้าสู่ขอนแก่น นครราชสีมา สระบุรี ปทุมธานี เป้าหมายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กทม.กะว่าจะใช้เวลาราว 22 วัน
จุดมุ่งหมายเพื่อรณรงค์เรียกร้องการกระจาย อำนาจให้เป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้คำประกาศ "หยุดรวมศูนย์อำนาจ บ้านของฉัน เงินของฉัน ฉันจัดการเองได้"
"ที่ผ่านมาพรรคการเมืองและนักการเมือง ประกาศว่าจะกระจายอำนาจ แต่เมื่อเข้าสู่อำนาจ ไม่มีนักการเมืองคนไหนจริงใจ กระจายอำนาจให้สู่พี่น้องประชาชน ต่อไปนี้พรรคการเมืองต้องให้คำมั่นสัญญาประชาคมอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะว่าจะดำเนินการให้มีกฎหมายว่าด้วยการกระจาย อำนาจการปกครอง การบริหารจัดการให้ท้องถิ่นอย่างจริงจังและมีแผนการชัดเจน" ทนายแม็คย้ำ จะรวบรวมรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยเสนอพรรคเพื่อลงนามสัญญาประชาคม
ครับ เป็นอีกครั้งหนึ่งของนักต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ศักดิ์ศรีความเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ระหว่างคนกรุงกับคนต่างจังหวัด คนเมืองกับคนชนบท เสียงเรียกร้องทำนองนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่เป็นจริงในสังคมไทยเสียที
เหตุเพราะความไร้เสถียรภาพของรัฐบาลและระบอบประชาธิปไตยกับความอ่อนแอของพลังสังคม ขณะที่ความคิดรัฐราชการเป็นใหญ่ดำรงมายาวนาน ภายใต้ข้ออ้างไทยเป็นรัฐเดี่ยวแบ่งแยกไม่ได้ การกระจายอำนาจจะทำให้แผ่นดินตกเป็นเหยื่อของบรรดาเจ้าพ่อ เจ้าแม่ นักเลงหัวไม้ ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ความกลัวการแบ่งแยกดินแดนเป็นสหพันธรัฐถูกย้ำแล้วย้ำอีก ตั้งแต่ยุค 1.0 จนจะก้าวสู่ 5.0 ยังใช้เป็นเครื่องมือหลอกหลอนผู้คนอยู่
แม้ข้อเสนอให้ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจจะพัฒนาขึ้นตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นของคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นควรให้ยุบราชการส่วนภูมิภาค เหลือแต่ส่วนกล่างกับส่วนท้องถิ่น ปรับบทบาทหน่วยราชการในระดับจังหวัดใหม่ หรือ ของกลุ่มพลังการเมืองในนาม กปปส. ให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ของสภาพัฒนาการเมืองและภาคีเครือข่ายกระจายอำนาจ เสนอรูปแบบจังหวัดจัดการตนเอง จนกระทั่งยกร่างเป็นกฎหมายเข้าสภาแล้วแต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว
บทเรียนจากการผลักดันข้อเสนอให้มีการกระ จายอำนาจภายใต้โมเดลต่างๆ ดังกล่าว ไม่สามารถฝ่าด่านอำนาจรัฐรวมศูนย์สู่ส่วนกลางไปได้
การรวมตัวเรียกร้องของภาคประชาสังคมอีกครั้งคราวนี้ มุ่งนำเสนอเพื่อให้เกิดสัญญาประชาคมจากพรรคการเมืองต่างๆ จึงไม่มีพลังเพียงพอแน่นอน จำเป็นต้องเรียกร้องเชิญชวนให้เกิดพลังสังคมขานรับอย่างต่อเนื่อง
การจะเป็นเช่นนั้นได้ ข้อเรียกร้องต้องชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ กระจายอำนาจอะไร อย่างไร เพื่อทำให้หลักการใหญ่เกิดความชัดเจน เป็นรูปธรรม
เป็นต้นว่า ยุบราชการส่วนภูมิภาค เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด จัดตั้งจังหวัดจัดการตนเอง เลิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปรับเปลี่ยนเป็นเทศบาล มหานคร ควบรวม อบต.ให้เป็นเทศบาลทั้งหมด จำกัดวาระกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือโมเดลใหม่หมาดๆ ตั้งสภาพัฒนาตำบล โดยมีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีรองรับ ฯลฯ รูปแบบการกระจายอำนาจเหล่านี้ ควรจะลงลึกถึงระดับไหน ล้วนเป็นคำถามที่พรรคการเมืองต้องให้คำตอบทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันในสถานการณ์ปัจจุบันต้องเหลียวมองถึงเงื่อนไข ปัจจัยที่อาจเป็นอุปสรรคเพิ่มเข้ามาอีก อาทิ แผนปฏิรูปประเทศด้านการเมืองการปกครอง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เขียนเรื่องเหล่านี้ไว้อย่างไร ยิ่งล็อกแน่นทำให้การกระจายอำนาจยากลำบากขึ้นอีกหรือไม่ ต้องคลี่ออกมาให้เห็นภาพอนาคตที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องตระหนักร่วมกันคือ การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจจะเป็นไปได้ภายใต้สังคมที่เป็นประชาธิปไตย ขณะที่เผด็จการอำนาจนิยมคือขั้วตรงข้าม เพราะธรรมชาติของมันคือการรวมศูนย์อำนาจ
การตัดสินใจหย่อนบัตรให้กับพรรคการเมืองที่ชูแนวทางประชาธิปไตยในการเลือกตั้งก็ยังไม่มีหลักประกันมากพอ เพราะโครงสร้างอำนาจที่ออกแบบไว้ตามรัฐธรรมนูญ ให้อำนาจบทบาทวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งสูง จะเป็นอุปสรรคต่อการเสนอกฎหมายเพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจ อีกแน่นอน
การแสดงพลังทางสังคมทุกรูปแบบภายหลังการเลือกตั้ง เพื่อสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของผู้คนจำนวนมากในเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องดำเนินต่อไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น