วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อปท.หวั่นใช้งบทำโครงการช่วยยาง


อปท.หวั่นใช้งบทำโครงการช่วยยาง
มติชน  ฉบับวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐

          เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายทวีศักดิ์ ศรีทอง กิติกูล ประธานมูลนิธิปลัดองค์การบริหาร ส่วนตำบล (อบต.) แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การใช้เงินสะสมขององค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) กว่า 1.5 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ยืนยันว่า อปท.ทั่วประเทศมีความพร้อม แต่ขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หารือและมีข้อตกลงที่ชัดเจนเพื่อกำหนดแนวทางในการใช้จ่ายงประมาณเพื่อป้องกันมีปัญหาในภายหลัง เนื่องจากที่ผ่านมา สตง.ตีความว่าการใช้งบตามอำนาจหน้าที่ของ อปท. ไม่มีระเบียบของกระทรวงมหาดไทยรองรับ
          "สำหรับแนวทางการใช้งบประมาณจากงบสะสมของอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (อปท.) ที่ระบุว่าต้องการให้ อปท.ทั่วประเทศใช้ยางพารา 1 โครงการ เพื่อช่วยเหลือชาวสวนยางนั้น หากไม่กำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนจะมีปัญหาในภายหลัง โดยเฉพาะเงื่อนไขการตรวจรับงาน นอกจากนี้ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการบางส่วนยังไม่มีการจดทะเบียน ทำให้ อปท.ใช้งบประมาณได้น้อยลงจากการทำสัญญาจ้างกับผู้ประกอบการ" นายทวีศักดิ์กล่าว
          นายศุภสัณห์ หนูสวัสดิ์ ประธานสันนิบาตเทศบาลภาคใต้ กล่าวว่า การกำหนดให้ใช้ยางพารา 1 โครงการ จากการใช้งบสะสม อปท.ไม่ขัดข้อง แต่ในระดับนโยบายต้องตอบคำถามเพื่อประเมินความคุ้มค่า หาก อปท.หนุนงบสะสมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ไปจัดสร้างสนามกีฬา ก่อสร้างถนน สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ ราคายางทั้งประเทศจะขยับขึ้นจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันปัจจุบันยางพาราส่วนใหญ่ค้างอยู่ในสต๊อกของพ่อค้า หากรัฐบาลต้องการให้ อปท.ช่วยเหลือราคายาง ควรสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการ เพราะ อปท.ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าถนนที่มีส่วนผสมของยางพารามีวิธีการก่อสร้างอย่างไร
          นายสุนทร รักษ์รงค์ เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สคยท.) กล่าวว่า สภาเครือข่ายเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ยางพาราเพื่อให้ อบต.กว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศนำไปทำโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ ปี 2557 ทั้งสนามฟุตซอล ยางปูพื้นในศูนย์เด็กเล็ก การซ่อมและการก่อสร้างถนน แต่ไม่มีกระแสตอบรับ ขณะที่ อบต.บางแห่งในจังหวัดทางภาคใต้พยายามใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมก่อสร้างถนน ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าปกติ 20% และถูกกลุ่มทุนใหญ่ยางมะตอยพยายามกีดกันทุกด้าน หากนายกฯต้องการระบายสต๊อกยาง 1 แสนตัน ภายใน 3 เดือน ควรใช้มาตรา 44 ปลดล็อกปัญหาที่ไม่สามารถนำยางพารามาใช้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น