วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

กฏหมายข้างตัว: ละเมิดจากการช่วยราษฎรน้ำท่วม

กฏหมายข้างตัว: ละเมิดจากการช่วยราษฎรน้ำท่วม
เดลินิวส์  ฉบับวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๐

          พิสิษฐ์ พลรักษ์เขตต์ไลน์
          ไอดี : dad 1520 Fb : kadeepokkong

          ใจยังวูบหาย ใจที่เงียบเหงาเหมือนไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว ไม่มีที่พึ่งร่มโพธิ์ร่มไทรที่แสนอบอุ่นอีกต่อไป
          กระผมขับรถผ่านสะพานพระบรมราชชนนีครั้งใดก็ได้แต่คิดถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.๙ ที่รักยิ่งของเรา
          จะหาพระมหากษัตริย์เมืองใด ประเทศใดได้อีกเล่าที่รักประชาชนทั้งในเมืองในชนบทเสมอเหมือนถ้วนหน้ากันหมดเช่นนี้
          มิพักต้องพูดถึงสี่พันกว่าโครงการที่พระองค์ทรงเหนื่อยยากเพื่อราษฎรในเขตคามนิคมชนบท
          แม้ในเมืองกรุงที่ประชาชนอยู่สุขสบายกว่ามีเพียงการจราจรที่หนาแน่นที่เป็นอุปสรรคกับความเป็นอยู่เป็นปัญหาใหญ่
          พระองค์ก็ทรงมีพระราชดำริให้จัดสร้างสะพานพระบรมราชชนนีที่อยากให้คิดดูว่า
          ในวันเวลานี้ถ้าไม่มีสะพานพระบรมราชชนนี การจราจรฝั่งธนบุรีจะสาหัสขนาดไหน
          เป็นพระปรีชาสามารถ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์โดยแท้
          เพราะถ้ามีหน่วยงานของรัฐจัดสร้างเองต่อมา ก็โปรดทราบเถิดว่าเราราษฎรตาดำ ๆ ทั้งหลายก็จำต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าผ่านทางให้พระเดชพระคุณท่านมือเป็นระวิง
          แล้วก็ไม่ใช่ด่านเดียวเสียด้วยนา ยาวซะขนาดนั้น
          ราชการน่ะไม่ได้รักประชาชนเหมือนพระองค์ท่านหรอก
          เป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ท่าน เราทั้งหลายจึงได้ใช้สะพานกันอย่างสะดวกสบาย
          พระองค์จะประทับอยู่ในดวงใจของชาวไทยตลอดไปตราบชั่วนิรันดร์
          ช่วงเวลานี้นอกจากเป็นช่วงแห่งความรักความอาลัยแล้วยังเป็นเวลาที่มีน้ำท่าบริบูรณ์เกินขีดจนเกิดอุทกภัยหลายแห่ง
          ปกติสมัยก่อนผู้คนไม่มากมาย ถนนมีน้อย ท่วมสักขนาดเอวก็ถือว่าหนักมากประมาณสามสี่วันก็พอถูไถไปได้
          ราชการไม่ต้องมาเอื้อเฟื้อจัดหาสิ่งของมาช่วยราษฎรที่ประสบอุทกภัย
          สมัยนี้ผู้คนหนาแน่น บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปมากท่วมทีมิดหลังคาบ้าน ท่วมนานเสียด้วยซี
          ผู้ว่าฯ นายอำเภออยู่เฉยไม่ได้ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยิ่งต้องหนักกว่าใคร
          ต้องจัดหาสิ่งของมาช่วยราษฎรในพื้นที่ที่กำลังประสบอุทกภัย
          กระบวนการทำงานก็ต้องสำรวจให้รู้ว่ามีใครบ้างที่เดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้
          เดือดร้อนและมีความยากจนจริงสมควรช่วยด่วน ประเภทจบด้อกกะเตอร์แล้วมาลงทะเบียนคนจนนี่ไม่เอาเด็ดขาด
          คดีนี้ จากเหตุอุทกภัยดังกล่าว ผู้ที่ลงทะเบียนสำรวจโดยองค์การบริหารส่วนตำบลพื้นที่จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละห้าพันบาท
          ดันตกสำรวจไปครอบครัวหนึ่ง อดได้เงินช่วยเหลือห้าพันบาท
          ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ไม่มีปากมีเสียงไม่กล้าหือกับเจ้านาย สมัยนี้มีคลิป มีชมรมทนายเพื่อความถูกต้องต่าง ๆ มีศาลปกครองก็เป็นเรื่องซีโยม
          จึงเป็นคดีฟ้องต่อศาลปกครองขอให้อำเภอในฐานะผู้กำกับดูแล และ อบต.ท้องที่ในฐานะคนสำรวจจ่ายเงินมา
          เอาเงินที่ไหนจ่ายละ จ่ายตามงบไปเรียบร้อยหมดแล้ว อบต.ผู้ถูกฟ้องคดีก็ต้องสู้หัวชนฝา
          ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยตามประเด็นโต้เถียงกันดังนี้
          อบต.ผู้ถูกฟ้องคดีว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่โดยทั่วไปไม่ใช่หน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินฐานกระทำละเมิด
          ท่านว่ากรณีนี้นายอำเภอได้สั่งการเป็นหนังสือแจ้งให้ อบต.สำรวจครัวเรือนที่จะให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด อันเป็นการสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดในฐานะผู้กำกับดูแล อบต.ซึ่งกฎหมายกำหนดให้กระทำการได้
          อบต.จึง ต้องปฏิบัติ อันถือได้ว่าเป็น หน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
          ผู้ฟ้องคดีมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด อบต.จึงมีหน้าที่สำรวจและจัดเก็บเข้าในรายชื่อเข้าบัญชีรายชื่อ การไม่สำรวจให้ถูกต้องทำให้รายชื่อผู้ฟ้องคดีตกหล่นถือได้ว่า มิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
          ยัง ยังมีข้อโต้แย้งว่าระยะเวลาให้สำรวจมันกระชั้นเกินไป เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ
          ท่านว่า อบต.ย่อมต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่มีน้ำท่วม ทุกปี การอาศัยฐานข้อมูลด้วยน่าจะเพียงพอกับระยะเวลา ดำเนินการ
          ท่านนายก อบต.น่าจะไม่มีเงินงบประมาณเหลืออีกแล้วอุตส่าห์เถียงไม่ตกฟากว่า ผู้ฟ้องคดีไม่ได้มาแจ้งชื่อตนเองเพื่อให้ตรวจสอบสิทธิ รายอื่น ๆ เขามาแจ้งด้วยตนเองกันทั้งนั้น
          ท่านว่า ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด มิได้ให้ราษฎรต้องมาแจ้งสิทธิของตนเอง เป็นหน้าที่ของ อบต. ที่ต้องสำรวจรายชื่อเอง การที่ราษฎรรายอื่น ๆ มาแจ้งชื่อด้วยตนเองก็เป็นประโยชน์ของ อบต.เองที่สามารถจัดทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
          เถียงตรงไหนก็ฟังไม่ขึ้น เมื่อมีหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ไม่ทำจนผู้ฟ้องคดีเสียหายอดได้เงินช่วยเหลือห้าพันบาท
          จึง เป็นการกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ พิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๘๒/๒๕๖๐)
          น่าสนใจขอรับ การช่วยตามกฎหมายที่กำหนดให้ช่วย ไม่ทำก็ต้องผิด เพราะไม่ใช่เรื่องของน้ำใจเอื้อเฟื้อกันเอง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น