วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

ยกเครื่องปฏิรูปอปท.ให้คิดเริ่มงานเอง

ยกเครื่องปฏิรูปอปท.ให้คิดเริ่มงานเอง
เดลินิวส์  ฉบับวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๐

          เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในฐานะประธานอนุกรรมการจัดทำร่างกฎหมายแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาว่า หัวใจหลักในการปฏิรูปเพื่อให้การกระจายอำนาจเดินหน้าได้ อปท.จะต้องบริหารงานด้วยความโปร่งใส เปิดเผย มีส่วนร่วม ซึ่งการถ่ายโอนภารกิจจากส่วนกลางไปท้องถิ่นเริ่มในปี 2544 กว่า 254 ภารกิจ มีหลายภารกิจที่โอนไปแต่ยังทำไม่ได้ เช่น การซ่อมถนน งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่โอนไปได้เพียง 5 พันล้านบาท และซ่อมได้เพียงแค่ร้อยละ 20 ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาเกี่ยวกับระเบียบรองรับที่ไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้ สตง.เข้ามาสอบและเรียกเงินคืน ปัญหาการทำงานที่ซ้ำซ้อน
          นายชาติชาย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 249 มุ่งปฏิรูปท้องถิ่นให้มีการ กระจายอำนาจอย่างจริงจัง ซึ่งอนุฯ ได้เขียนให้กฎหมายสามารถปฏิบัติได้จริง เช่น อปท.คิดริเริ่มงานได้เองไม่ต้องเรียกร้องการถ่ายโอนภารกิจจากส่วนกลางตามกฎหมายปี 42 โดยจะมีคณะกรรมการกระจายอำนาจคอยพิจารณา ขณะเดียวกันก็ริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ได้ ส่วนเรื่องเงินอุดหนุนพึ่งตนเอง ที่มีการเปิดพื้นที่ให้สามารถหารายได้เอง โดยการตั้งวิสาหกิจท้องถิ่นส่งเสริมธุรกิจในท้องที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งหารายได้ให้กับ อปท.โดยดูตามความแตกต่างตามภูมิสังคม อะไรที่เป็นสิ่งริเริ่มใหม่แล้วดีก็ต้องสนับสนุนให้ถูกต้อง รวมถึงต้องมีการลงไปตรวจสอบในภายหลัง
          "ร่างกฎหมายกระจายอำนาจฯ ฉบับนี้ เราเขียนให้ อปท.คิดริเริ่มงานเอง ไม่ต้องเรียกร้องการถ่ายโอนภารกิจจากส่วนราชการส่วนกลาง ที่มักจะถ่ายโอนภารกิจในลักษณะที่ว่า เสื้อที่พี่ใส่นั้น เก่าแล้ว คับแล้ว ถ่ายโอนให้ น้อง อปท.ใส่แทน ตลอด 16 ปีที่ผ่านมาเรามี ปัญหามามาก วันนี้กลไกต่าง ๆ เริ่มอ่อนล้า วิ่ง ตามปัญหาในปัจจุบันไม่ทันการ" นายชาติชาย กล่าวและว่า หลังจากที่ได้ไปทำความเห็นจากประชาชน 77 จังหวัด  คณะอนุฯ จะส่งผลสรุปให้ คณะกรรมการกระจายอำนาจฯ วันที่ 21 ก.ย.นี้ ถ้าเห็นชอบก็ส่งให้ครม.ต่อไป ทั้งนี้กฎหมายฉบับนี้คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ ถ้ามีการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือน เม.ย. 61 หรือหลังการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น