เมื่อวันที่
10
มิถุนายน
2563
ที่อาคารรัฐสภา
(เกียกกาย) นายพิพัฒน์
วรสิทธิดำรง
นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ได้นำหนังสือร้องทุกข์ของหัวหน้าสำนักปลัดอบต.จำนวน
7
ราย
ซึ่งเป็นตัวแทนหัวหน้าสำนักปลัดอบต.ทั่วประเทศ
รวมทั้งผู้อำนวยการกองอีกหลายกองในสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลหลายจังหวัด
ยื่นเสนอต่อประธานคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ
การปกครองส่วนท้องถิ่น
และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ
สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพัฒนา
สัพโส ประธานคณะอนุกรรมาธิการการปกครองส่วนท้องถิ่น
เป็นผู้แทนรับมอบ
นายพิพัฒน์
กล่าวว่า
สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทยได้รับการประสานจากพนักงานส่วนตำบลระดับผู้อำนวยการกอง
ที่สอบผ่านการคัดเลือกสายงานผู้บริหารเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล
(นักบริหารงานท้องถิ่น)
ระดับต้น
โดยคณะอนุกรรมการสรรหาฯในคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล
(ก.อบต.)
ที่มีนายประยูร
รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
เป็นประธานคณะอนุกรรมการสรรหาฯ
ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่พวกตนได้ผ่านการคัดเลือกในตำแหน่ง
รองปลัดอบต.เรียบร้อยแล้ว
แต่ทางคณะอนุกรรมการสรรหาฯกลับมาแจ้งภายหลังว่า
พวกตนขาดคุณสมบัติ
ตามหนังสือซักซ้อมของสำนักงานเลขานุการก.อบต.เมื่อปี
2558
หรือ
ว.58
ทั้งที่
พวกตนมีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งและตามประกาศรับสมัครของคณะอนุกรรมการสรรหาฯซึ่งกำหนดไว้ชัดเจนในเอกสารแบท้ายประกาศรับสมัครฯลงวันที่
15
พฤศจิกายน
2562
ทำให้กระทบกับสิทธิของพวกตนที่พึงจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ผ่านการสอบคัดเลือกมาอย่างยากลำบาก
นายพิพัฒน์
กล่าวต่อว่า เรื่องนี้อยากเรียกร้องให้
ก.อบต.โดย
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล
หรือ ก.อบต.
ได้ตรวจสอบการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการสรรหาฯว่า
เหตุใดจึงไม่กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครให้ครบถ้วนในประกาศรับสมัครตั้งแต่ต้น
หากเกิดความผิดพลาดจากคณะอนุกรรมการสรรหาฯจริง
ก.อบต.ในฐานะองค์กรที่แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหาฯขึ้นมา
ต้องร่วมรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว
โดยสามารถแก้ไขได้ 2
แนวทางคือ
ทางที่หนึ่งให้ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกได้รับการแต่งตั้งไปตามปกติตามลำดับที่สอบคัดเลือกได้จนครบถ้วน
ทางที่สองหาก ก.อบต.เห็นว่า
ผู้ที่สอบคัดเลือกผ่านในครั้งนี้ขาดคุณสมบัติตามหนังสือซักซ้อมเมื่อปี
2558ดังกล่าวจริง
ควรจะใช้วิธีเยียวยาคือ
ให้ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกไปรักษาการในตำแหน่งที่แต่ละคนได้เลือกที่จะไปแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้
และเมื่อคุณสมบัติของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแต่ละรายครบถ้วนตามที่ก.อบต.กำหนดแล้ว
จึงค่อยให้อบต.ต้นสังกัดรายงานต่อ
ก.อบต.จังหวัดเพื่อขอความเห็นชอบแต่งตั้งต่อไป
ซึ่งก็จะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
“ในการดำเนินการของ
ก.กลาง
ไม่ว่าจะเป็น ก.อบต.
หรือ
ก.ท.
หรือ
ก.อบจ.
เพื่อดำเนินการสอบคัดเลือกหรือคัดเลือกตำแหน่งสายงานผู้บริหารทั้งสองครั้งที่ผ่านมาคือ
ปี 2560
และปี
2562
คาบเกี่ยวปี
2563
มีข้อบกพร่องเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากตำแหน่งสายงานผู้บริหารเป็นตำแหน่งที่แตกต่างไปจากตำแหน่งสายปฏิบัติที่มีการสอบแข่งขันเข้ารับราชการครั้งแรก
แต่การที่ ก.กลาง
อาศัยอำนาจตามคำสั่งของหัวหน้าคสช.ที่
8/2560
เมื่อวันที่
21
กุมภาพันธ์
2560
โดยอ้างการปฏิรูปด้านการบริหารงานบุคคลท้องถิ่นนั้น
เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอย
และเป็นการฉวยโอกาสดึงอำนาจที่แต่เดิมเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกลับเข้าสู่ส่วนกลาง
เพื่อต้องการควบคุมบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลวได้พอๆ
กัน ฉะนั้น ทางแก้ไขปัญหานี้อย่างถาวรก็คือ
การยกเลิกคำสั่งของหัวหน้าคสช.ที่
8/2560
โดยต้องอาศัยการตราเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมที่สภาผู้แทนราษฎรพึงต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น