สถ.แจงหลักเกณฑ์จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุปี60 |
คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ |
สุทธิพงษ์
จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กล่าวว่า
ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2560 ข้อ
7 กำหนดให้ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
ในปีงบประมาณถัดไปลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
เนื่องจากช่วงระยะเวลาของการลงทะเบียนมีระยะเวลายาวถึง 11 เดือน
ทำให้มีการลงทะเบียนคร่อมปีงบประมาณถึง 2 ปีงบประมาณ กระทรวงมหาดไทยได้อาศัยอำนาจตามข้อ 5 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 กำหนดหลักเกณฑ์การลงทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยให้การยื่นคำขอลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2561 (ปีงบประมาณ 2561) ว่าให้ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 6 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 ที่มาลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2561 (ปีงบประมาณ 2561) จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 (1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป) และสำหรับผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปี งบประมาณถัดไป (ปีงบประมาณ 2562) ที่มา ลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่ เดือนมกราคม-กันยายน 2561 (ปีงบประมาณ 2561) จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ สุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการยื่นคำขอลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2561 (ปีงบประมาณ 2562) ที่ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แล้วแต่ยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ ที่ไม่มาลงทะเบียน และมาลงทะเบียน ขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่ตุลาคมพฤศจิกายน 2561 (1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป) จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปี งบประมาณ พ.ศ. 2563 (1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป) ก็ขอให้ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2562 นับจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2562 (เกิดก่อนวันที่ 2 ตุลาคม 2502) และ ผู้สูงอายุที่ย้ายภูมิลำเนาเข้ามาใหม่ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ยังไม่ได้ดำเนินการลงทะเบียน ให้ไปลงทะเบียนเพื่อแสดงความจำนงขอรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุได้ ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2561 ด้วยตนเอง หรือมอบหมาย ให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุแทน โดยมีหลักฐานตามที่ราชการกำหนด ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. เพื่อจะได้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพ โดยเตรียมเอกสารหลักฐาน ดังนี้ 1.บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายพร้อมสำเนา 2.ทะเบียนบ้าน (ที่เป็นปัจจุบัน) พร้อมสำเนา และ 3.สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ/ผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ พร้อมสำเนา สำหรับกรณีที่ผู้สูงอายุประสงค์จะรับเงินผ่านธนาคาร สุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เจตนารมณ์ของการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 นี้ ก็เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับสวัสดิการเบี้ยยังชีพได้ตรงตามเวลาและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี ว่าผู้สูงอายุเมื่อมีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์แล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามสิทธิที่พึงจะได้รับ นั่นคือ มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุจะได้รับเงินเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องรอให้ถึงเริ่มปีงบประมาณใหม่ หลักเกณฑ์ฉบับนี้จึงช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิประโยชน์ที่ดียิ่งขึ้นเป็นอย่างมากนั่นเอง |
เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวงงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ฅนเทศบาล
เมนูหลัก
ข่าวท้องถิ่น
ระเบียบบริหารงานบุคคลของพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานการบริหารงานบุคคลพนักงานส่วนท้องถิ่น
วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
สถ.แจงหลักเกณฑ์จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุปี60
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น