วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ฟังเสียง'ท้องถิ่น-อจ.'ขอเปิดกว้างปลดล็อก'เลือกตั้ง'

ฟังเสียง'ท้องถิ่น-อจ.'ขอเปิดกว้างปลดล็อก'เลือกตั้ง'
มติชน  ฉบับวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

          หมายเหตุ - นักวิชาการและผู้บริหารการเมืองท้องถิ่นให้ความเห็นกรณีการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เกี่ยวกับเงื่อนไขการรณรงค์หาเสียงในการจัดเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งระดับชาติที่ คสช.ผลักดันอยู่ในเวลานี้
          ผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว
          อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์
          หากจะมีการปลดล็อกให้มีการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ขณะนี้การแสดงออกทางการเมืองทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่นยังถูกจำกัดอยู่ การปลดล็อกท้องถิ่นอาจทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้ใช้สิทธิทางการเมืองมากขึ้น ก่อนหน้านี้มีผู้รักษาการมาพอสมควร แม้การเลือกตั้งในระดับประเทศยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน แต่การที่บอกว่าในเร็วๆ นี้จะมีการปลดล็อกในส่วนท้องถิ่นได้ก่อน อย่างน้อยความคาดหวังหรือความรู้สึกของประชาชนต่อสิทธิทางการเมืองก็ผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้ สามารถทำควบคู่ไปกับการปลดล็อกพรรคการเมือง
          แต่ คสช.มองว่า อาจจะทำให้เกิดการไปเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อให้เกิดความไม่สงบ ทำให้เกิดสิ่งนั้นก็อาจจะดูไม่สมควร เพราะไม่ได้เป็นไปตามจุดประสงค์ที่อยากจะปลดล็อก
          กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุว่า พรรคการเมืองสามารถหาเสียงได้ แต่จะต้องไม่โจมตี คสช. การโจมตีนั้นเป็นการโจมตีอะไร โจมตีในนโยบายหรือโจมตีในการดำรงตำแหน่งของ คสช. ทางรัฐบาลอาจจะต้องเปิดกว้างมากขึ้น ความจริงแล้วพรรคการเมืองอาจจะต้องการนำเสนอทางเลือกในทางนโยบายการแก้ไขปัญหาของประเทศ จะไม่ให้พูดถึงก็คงเป็นไปไม่ได้ พรรคการเมืองเหล่านี้จะเป็นพรรคที่ได้รับการเลือกตั้ง จะเป็นรัฐบาลในอนาคต ก็ต้องพูดถึงว่าปัจจุบัน ปัญหาของประเทศคืออะไร อะไรคือสิ่งดี สิ่งไม่ดี ก็เลี่ยงลำบากที่จะไม่พูดถึง
          ชำนาญ จันทร์เรือง
          นักวิชาการอิสระ
          เรื่องปลดล็อกการเลือกตั้งท้องถิ่น ผมมีความเห็นมาตลอดว่าเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ร.ป.กกต.ก็ออกมาแล้ว แม้จะมี ม.44 หรือคำสั่ง คสช. โดยหลักกฎหมายในเรื่องเดียวกันนั้น กฎหมายใหม่ย่อมล้างกฎหมายเก่า แต่คงไม่กล้าไปโต้แย้งกัน
          วัตถุประสงค์ที่ คสช.ต้องการให้เลือกตั้งท้องถิ่นก่อน เพื่อหยั่งเชิงกำหนดทิศทางว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ผมว่าคิดมากไป การเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติไม่ได้มีนัยยะโดยตรงที่ผ่านมา อย่างพรรคไทยรักไทย บางจังหวัดมี 2-3 ทีมใช้ชื่อเดียวกัน และการเมืองท้องถิ่นไม่ได้กำหนดให้ต้องสังกัดพรรค ได้รับเลือกแล้วก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าในระดับชาติจะได้พรรคตามนั้น การเมืองท้องถิ่นใกล้ชิดกับประชาชน เห็นกัน 24 ชั่วโมง แต่คงไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะมีรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว มีการกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ของนักการเมืองท้องถิ่นให้สูงขึ้น ต้องเป็นไปตามนั้น
          โดยหลักผมเห็นว่าควรปลดล็อกตั้งนานแล้วทั้งการท้องถิ่นและระดับชาติ ถึงไม่ปลดล็อกจริงๆ เขาก็ทำกันอยู่แล้วแหละ ไม่อย่างนั้นจะมีมติพรรคออกมาได้ยังไง
          ส่วนที่ พล.อ.ประวิตรบอกว่าห้ามหาเสียงโจมตี คสช.นั้น การหาเสียงเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ตอนนี้ห้ามโจมตี คสช.ได้ที่ไหน เห็นโจมตีกันเยอะแยะ จะไปไล่จับคนเป็นล้านคนได้ยังไง
          ถ้าปลดล็อกการเมืองท้องถิ่นต้องหาเสียงได้ตามปกติ จะห้ามไม่ให้โจมตี คสช.ได้ยังไง ไม่ให้พูด คสช.เดี๋ยวเขาก็เรียกเป็นอย่างอื่นไป จับบางคนก็เลือกปฏิบัติ อย่าลืมว่า คสช.ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า อีกสักพักก็มีการ เช็กบิลย้อนหลัง กฎหมายสร้างขึ้นโดยคน อย่างกรณีกวางจูมีรัฐประหารคนตายคนหายเกือบ 2 พันคน พอไปฟ้อง พนักงานอัยการบอกเหมือนของไทยว่า เมื่อทำรัฐประหารสำเร็จและเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ปรากฏว่าฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเกาหลี วินิจฉัยว่าการทำรัฐประหารทำให้สะดุด มีผลกระทบต่อการพัฒนาด้านการเมืองและประชาธิปไตย สามารถลงโทษได้ แม้จะอภัยโทษตัวเองมาแล้วก็ตาม ศาลจึงตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ติดอยู่ปีกว่าๆ แล้วอภัยโทษ
          ไม่ใช่ว่ามี ม.44 แล้วจะรอด ถ้ากรณีร้ายแรงมากๆ ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่สน ม.44 หรอก แสดงว่า คสช.ยังระแวงอยู่ คิดว่ายังไม่สามารถคุมได้ เลยพยายามยื้อ แต่ยิ่งยื้อยิ่งเสีย
          ปรีชา จันทรรวงทอง
          นายกเทศมนตรี เมืองสีคิ้ว จ.นครราชสีมา
          ขณะนี้หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งรวมทั้งการบริหารจัดการท้องถิ่น ยังไม่มีความชัดเจน คสช.ให้ข่าวก็เหมือนโยนก้อนหินถามทางให้ผู้บริหารท้องถิ่นมโนไปเรื่อยๆ เริ่มแรกข้อครหาการเมืองท้องถิ่นเป็นนอมินีกลุ่มอำนาจเก่า ไม่ควรกล่าวหาเช่นนี้ เป็นการสบประมาท ชาวบ้านเลือกก็เพราะผลงานที่จับต้องได้ หมดยุคหมดสมัยที่หอบเงินมาซื้อเสียงไม่รอดใบแดงใบเหลืองหรือรอดได้ก็เพียงสมัยเดียว วาระการดำรงตำแหน่งของนายกท้องถิ่น ไม่เกิน 2 สมัยหรือ 8 ปี เป็นสิ่งที่ดีแต่ควรเริ่มนับรอบใหม่ ไม่ใช่นับย้อนหลัง มิเช่นนั้น นายกท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 70% จะไม่สามารถลงสมัครได้และการควบรวมของแต่ละ อปท. เพื่อยกฐานะถือเป็นการกระจายอำนาจที่ดี ต้องจัดประชาพิจารณ์ให้ครอบคลุม มิเช่นนั้นอาจควบกับพื้นที่ที่มีเชิงสัญลักษณ์ทางความคิดหรือวัฒนธรรมต่างกัน สุดท้ายบ้านใหญ่ก็ได้เปรียบ ส่วนการบริหารงานบุคคล ต้องให้สิทธิของท้องถิ่นพิจารณาเพื่อได้คนที่ทำงานร่วมกันได้มาช่วยกันปฏิบัติหน้าที่
          และปัญหาที่เกิดขึ้นจากข้ออ้าง 'ไม่ใช่ภารกิจหรืออำนาจหน้าที่' ส่งผลให้หลาย อปท.ไม่จัดงานสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณี สตง.และ ป.ป.ช.ต้องชี้แจงทำความเข้าใจสิ่งไหนทำได้หรือไม่ได้และคำนึงถึงวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับชาวบ้านที่จัดกิจกรรมมาเป็นประจำทุกปีเป็นคำตอบสุดท้าย
          ว่าที่ ร.ต.จรูญ เจริญสุข
          นายกเทศมนตรี ตำบลโพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี
          ในเรื่องของการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยรัฐบาลจะให้มีการปลดล็อกการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ทางท้องถิ่นก็เห็นด้วย แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ทางผู้บริหารท้องถิ่นคาใจอยู่ก็คือเรื่องของการปฏิรูป และเรื่องของกฎหมายท้องถิ่นที่ยังไม่ชัดเจน ถ้าส่วนนั้นชัดเจน ในฐานะที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ก็พร้อมจะเลือกตั้งทุกเมื่อ เพียงแต่ว่าส่วนกลางที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถามว่าพวกเราพร้อมไหม ก็พร้อมเพียงแต่ว่าเราอยากรู้ชัดเจนในทิศทางของท้องถิ่น ว่าจะไปอย่างไร ควบรวมหรือไม่ควบรวม ยังไม่รู้ในเรื่องของคุณสมบัติของนายกท้องถิ่น ว่าจะเอาจบปริญญาตรี หรือไม่จบปริญญาตรี หรือเคยเป็นก็ได้ ปัจจุบันก็ยังไมได้ข้อยุติ ต้องมาเถียงกันเอง ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนพวกเราก็พร้อมสู่สนามการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็หมดวาระกันแล้ว
          แต่เป็นห่วงว่าถ้าเลือกตั้งพร้อมกันทั้ง อบจ. เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล กทม.และเมืองพัทยา จะไหวหรือไม่รอบเดียว หรือว่าจะเป็นทีละรอบอาจจะเป็นระดับ อบจ.ก่อน หรือว่า กทม.และเมืองพัทยาก่อน เพราะท้องถิ่นเราอย่าง อบต.ก็มากมีถึงห้าพันกว่าแห่ง ทางรัฐบาลน่าจะจัดให้มีการเลือกตั้ง อบจ.ก่อน เพราะเป็นระดับจังหวัดจะได้พร้อมกันทั่วประเทศ หรือจะเอาระดับท้องถิ่นก่อนเพราะมีเทศบาลเมือง เทศบาลตำบลและ อบต. ถ้ายังใช้กฎหมายตัวเดิม ของ พ.ร.บ.อบต. พ.ร.บ.เทศบาล และ อบจ.ตัวเดิม ถ้าไม่มีการควบรวม การยุบการปฏิรูป ก็ควรจัดการเลือกตั้ง อบจ.ก่อน เลือก อบจ.ให้หมดก่อน ทั้ง อบจ.กับเทศบาลจะหมดวาระทุกแห่งในช่วงเดือนเมษายน ปีหน้า
          อีกส่วนหนึ่งที่ผู้บริหารท้องถิ่นติด ม.44 จะรีบคืนตำแหน่งให้หรือว่าจะทำอย่างไร การสอบสวนได้ข้อสรุปอย่างไร แต่ถ้ามีการเลือกตั้งก่อนที่การสอบสวนไม่แล้วเสร็จเกรงว่าจะมีเรื่องความผิดติดตัวไป มันจะเป็นเรื่องที่ไม่บริสุทธิ์ รัฐบาลควรจะปลดล็อกตัวนี้ด้วย คนที่โดน ม.44 ทางรัฐบาลจะสอบสวนให้เสร็จเลยหรือเปล่า หรือว่าจะคืนตำแหน่งให้เลย ผู้ที่โดน ม.44 จะได้ลงเลือกตั้งอย่างสบายใจ
          อนุรักษ์ โปร่งสุยา
          นายก อบต.ออย อ.ปง จ.พะเยา
          การเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นครั้งแรกหลังการปฏิรูปท้องถิ่น ด้วยความห่างหายจากการเลือกตั้งท้องถิ่นมานาน ดังนั้นรัฐควรให้เวลาแก่ผู้ที่สนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างน้อย 6 เดือน จากนั้นจึงดำเนินการรับสมัคร คือ ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันก่อน 6 เดือนจึงเปิดรับสมัคร ส่วนช่วงเวลาการหาเสียง ควรให้เวลาผู้สมัครหาเสียง 1-2 เดือนพอแล้ว ที่เสนอเช่นนี้ เนื่องจากว่ายิ่งหาเสียงนานยิ่งเสี่ยงทำให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยกกันในชุมชนหรือท้องถิ่นนั้นๆ ได้ เพราะก่อนหน้าที่บุคคลจะลงสมัครรับเลือกตั้ง คนในชุมชนหรือท้องถิ่นต้องรู้จักบุคลิก นิสัยใจคอพอสมควร
          รูปแบบและวิธีการหาเสียงการกำหนดห้ามเลี้ยงสุรา หรือสมทบเงินในงานใดๆ ต้องกำหนดให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้สมัคร เช่น ผู้สมัครฝ่ายบริหารควรมีค่าใช้จ่ายในการหาเสียงระหว่าง 50,000-150,000 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่ จำนวนประชากร ไม่มากหรือน้อยเกินไป รถเครื่องเสียงออกประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้สมัครได้ระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. ส่วนเวทีปราศรัยไม่ควรเกิน 3-4 ชั่วโมง ผู้หาเสียงปราศรัยได้เฉพาะการแนะนำตัวและนโยบายการทำงานเท่านั้น
          สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งท้องถิ่น คือ การเมืองระดับชาติ หรือนักการเมืองระดับชาติ ทั้งอดีตและปัจจุบัน ต้องให้เกียรติสนามท้องถิ่น ไม่เข้ามามีแทรกแซงหรือมีบทบาทใดๆ กับการเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ว่าจะให้คำแนะนำ หรือการชี้นำใดๆ เพราะจะทำให้มีผลทั้งคุณและโทษแก่ผู้สมัครได้
          วาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น สำหรับผมมองว่า ต่อให้เป็นบุคคลที่ดีสุดขั้วขนาดไหน ก็ควรดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 สมัย เท่านั้น หากเป็นนานประชาชนจะเบื่อแล้วก็จะไม่เลือก ทำให้ผู้สมัครเสียความรู้สึกได้ ผมว่ากำหนดวาระนักการเมืองท้องถิ่นไม่เกิน 2 สมัย เหมาะสมแล้ว
          ด้านคุณสมบัติที่สำคัญของผู้สมัครการเมืองท้องถิ่น การศึกษาก็สำคัญ ควรจบปริญญาตรี ประการเดียวที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ ห้ามมิให้ผู้ใดหรือบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีทุจริต หรืออยู่ระหว่างคดีเกี่ยวกับการทุจริต ลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นเด็ดขาด
          พิเชฐ พิศุทธกุล
          รักษาการนายก อบจ.เชียงใหม่
          กรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมปลดล็อกให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ผมเห็นด้วย อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ ตามระบอบประชาธิปไตย นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่ คสช.ใช้คำสั่ง ม.44 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ก็พร้อมกลับมาลงสนามเลือกตั้งอีกครั้ง หาก คสช.ปลดล็อก ม.44 ให้ผู้บริหารท้องถิ่นที่มีผลสอบสวนว่า ไม่มีความผิดตามข้อร้องเรียนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ซึ่งนายบุญเลิศ มั่นใจ ว่าไม่ได้กระทำผิด หรือมีเจตนาละเมิดระเบียบกฎหมายตามข้อกล่าวหาดังกล่าว
          กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ที่มีนายบุญเลิศ เป็นประธานกลุ่ม พร้อมสนับสนุนเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับ ทั้ง อบจ.เทศบาล และ อบต. หากมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำกับดูแล และออกระเบียบกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครแล้ว ภายใต้กฎกติกาที่เป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนประเด็นที่มองว่า ท้องถิ่นเป็นฐานเสียงพรรคการเมืองนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิจารณญาณแต่ละบุคคล แต่ประชาชนมีสิทธิเรียกร้องให้เลือกตั้งท้องถิ่นและให้โอกาสว่า ใครสมควรทำหน้าที่ดังกล่าวแทนประชาชน
          ต้องย้อนถามกลับว่า คสช.พร้อมหรือยัง ให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ตามแนวทางปฏิรูปแบบใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีการทุจริตอีก ถ้าเป็นแบบเดิม แล้วใครรับผิดชอบ ท้องถิ่นพร้อมทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ไปสู่เป้าหมาย ถ้าท้องถิ่นเห็นต่าง หรือสวนทางกับนโยบายรัฐบาล คงไม่เกิดประโยชน์ ผลเสียตกอยู่กับประชาชน ทางที่ดีต้องประสานงานและบูรณาการพัฒนาทุกระดับ ตั้งแต่ท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับชาติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และพัฒนาคุณภาพชีวิต ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ให้ ประสบผลสำเร็จ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น