คลังเดินหน้ากม.ภาษีที่ดินฯ "ที่ดินเปล่า" หนักสุดเพดาน 5% ชี้เลี่ยงภาษีปลูกกล้วยต้องไร่ละ 200 ต้น
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ฉบับวันที่ 31 พ.ค. 2560
นายพรชัย ฐีระเวช
ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
บรรยายพิเศษหัวข้อ "พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
กับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์" ว่า
ความคืบหน้ายังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
โดยมีเป้าหมายบังคับใช้ภายในวันที่ 1 มกราคม 2561
ทั้งนี้
ประเด็นพิจารณาหลักเป็นเรื่องอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
แบ่งเป็น 4 อัตราหลัก ได้แก่ 1.ที่ดินเกษตรกรรม อัตราเพดาน 0.2%
โดยอ้างอิงกับเกณฑ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น การปลูกกล้วยต้องมีไร่ละ
200 ต้น เป็นต้น, เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์หรือไม่
2.บ้านพักอาศัย
อัตราเพดาน 0.5% 3.พาณิชยกรรม อัตราเพดาน 2% และ 4.ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
อัตราเพดาน 5% เริ่มต้นจากจัดเก็บปีละ 2%
จากนั้นถ้ายังไม่มีการนำไปใช้ประโยชน์ จะมีการปรับเพิ่ม 0.5% ในทุก 3 ปี
"แนวทางปฏิบัติ
กรมธนารักษ์จะสำรวจและแจ้งไปยังกรมที่ดิน โดยก่อนจะมีการบังคับใช้กฎหมาย
กรมธนารักษ์จะแจ้งไปยังเจ้าของแปลงทีดินเพื่อสำรวจและประเมินอัตราจัดเก็บ
จากนั้นแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่ามีภาระภาษีเท่าไหร่
เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของเจ้าของที่ดิน รวมทั้งสร้างความโปร่งใส
ในส่วนขององค์กรปกครองท้องถิ่นก็จะได้ทราบว่าจะมีรายรับภาษีที่จะนำมาใช้พัฒนาพื้นที่มากน้อยแค่ไหน
อย่างไร
นายพรชัยกล่าวถึงการบรรเทาภาระภาษีด้วยว่า
กฎหมายมีการยกเว้นภาษีสำหรับทรัพย์สินบางประเภท อาทิ สาธารณสมบัติ
ทรัพย์สินของรัฐ ทรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ สหประชาชาติ สถานทูต
ทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรร สถาบันการศึกษา
บ้านพักอาศัยหลัก 1 หลัง ฯลฯ โดยอัตราลดหย่อนสูงสุด 90%
และผู้มีอำนาจในการพิจารณาอยู่ที่องค์กรปกครองท้องถิ่น
สำหรับผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับจากภาษีที่ดินฯ
อาทิ
เจ้าของที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์สามารถนำไปให้เช่าที่ดินปลูกอ้อยเมื่อได้ผลผลิตมีการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงาน
ผลิตสินค้าออกมาเป็นไบโอโปรดักส์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ เป็นต้น
ในด้านภาคอสังหาริมทรัพย์
จะมีการนำที่ดินเปล่ามาใช้ประโยชน์มากมาย เช่น ใฐานข้อมูล 14 ล้านคน
คนมีที่อยุ่อาศัย 5 ล้านคนกว่า , อีก 1 แสนกว่าคนเช่าบ้านอยู่,
มีคนที่อาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นอีก 4 ล้านคน
เป็นฐานตลาดที่ในอนาคตเมื่อมีความพร้อมก็อยากจะซื้อบ้านเป็นของตนเอง
ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ พบว่ากระจุกในภาคอีสานเยอะสุด 40% กว่า
ทำอย่างไรให้เกิดการจ้างงาน
จะมีนิคมสร้างตนเองหรือมีนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เพื่อให้เกิดการจ้างงาน
"อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันมีข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับอัตราภาษีว่าจะจัดเก็บมากน้อยแค่ไหน
และมีกระแสข่าวว่าจะปรับลดอัตราจัดเก็บในกลุ่มบ้านพักอาศัย
ขอบอกว่าอย่าตื่นตระหนกและอย่าไปเชื่อ ทุกวันนี้ยังเป็นอัตรานำเสนอ
ขอให้รอการประกาศอัตราจัดเก็บที่จะใช้จริงจากรัฐบาล" นายพรชัยกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น