สยามรัฐ ฉบับวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
รองศาสตราจารย์ ดร.โกวิทย์ พวงงาม ภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชการที่ 9 ที่ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ อย่างทุ่มเท เสียสละโดยไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ซึ่งพสกนิกรชาวไทยได้เห็นภาพการเสด็จพระราชดำเนินซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถาร และการใช้ชีวิตสมถะกับราษฎร ซึ่งเป็นภาพที่เห็นกันอย่างคุ้นชินในการมีพระราชกรณียกิจนานัปการของพระองค์ ล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งประโยชน์สุขแก่ประเทศไทยและประชาชนชาวไทย นับว่าพระราชกรณียกิจทั้งหลายทั้งปวง ทรงเป็นต้นแบบให้กับพสกนิกรชาวไทยมากมายนานัปการทรงเป็นต้นแบบผู้นำที่เสียสละ เป็นต้นแบบผู้นำความคิดสู่การปฏิบัติในเชิงประจักษ์ เป็นต้นแบบของพระมหากษัตริย์นักพัฒนา เป็นต้นแบบครูของแผ่นดินและทรงเป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการ ทั้งในแง่การบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการป่า และการบริหารจัดการดิน อย่างมีพระราชอัจฉริยภาพ ที่สำคัญที่สุดทรงเป็นผู้ให้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ราษฎรนำไปใช้เพื่อการพึ่งตนเองได้อย่างพอมีพอกิน หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ในหลวง ร.9 พระราชทานมาเพื่อเป็นหลักคิดในการดำรงชีวิต ให้พสกนิกรของพระองค์ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความพอประมาณ ยึดทางสายกลางในการประกอบสัมมาอาชีพที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก และถือเป็น "ศาสตร์พระราชา" ที่สามารถนำมาช่วยแก้ปัญหานานัปการของประเทศไทย ทั้งในการแก้ปัญหาความยากจนของราษฎรในชนบท นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงร.9 พระองค์ทรงเป็นต้นแบบในการใช้กลไกในการทำงานพัฒนา เพื่อให้เป็นแบบอย่างในการเรียนรู้ของพสกนิกรในการประกอบอาชีพที่มุ่งไปสู่การใช้พื้นที่ปฏิบัติจริงนั่นก็คือ พระองค์ทรงพระราชทานศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้เป็น แหล่งสาธิตต้นแบบการพัฒนาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศในทุกภูมิภาคเป็นต้นว่า เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาดิน การพัฒนาอาชีพของเกษตรกร การอุตสาหกรรมในครัวเรือน การพัฒนาปรับปรุงสภาพ แวดล้อมประมงชายฝั่ง เป็นต้น พระองค์ยังใช้กลไกโครงการพระราชดำริ โครงการหลวง โครงการในพระราชประชานุเคราะห์ โครงการของมูลนิธิชัยพัฒนา โครงการชั่งหัวมัน โครงการต่างๆเหล่านี้ถือว่าพระองค์ทรงทำให้เป็นต้นแบบแก่พสกนิกรชาวไทย เพื่อน้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้านต่างๆ ประยุกต์เพื่อการดำเนินชีวิตให้สามารถพึ่งตนเองได้ สร้างพื้นฐานแห่งความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชน บัดนี้ การเสด็จสวรรคตของพระองค์ถือว่าเป็นความสูญเสียและวิปโยคยิ่งใหญ่มากที่สุดในชีวิตของชาวไทย มีพสกนิกรทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเดินทางเข้ามาที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและแสดงความอาลัย เพื่อถวายสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 "เหนือกว่านั้น เห็นว่าเราควรร่วมกันน้อมนำคำสอนของพระองค์ไปปฏิบัติ เพื่อสืบสานปณิธานให้เป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งแก่ตนเอง ชุมชนท้องถิ่น สังคมตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า" กล่าวสำหรับชุมชนท้องถิ่นก็เช่นกัน โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การสืบสานปณิธานในหลวงร.9 ไปสู่การปฏิบัติจริงให้เป็นรูปธรรม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน ท้องถิ่น นับเป็นการร่วมกันทดแทนคุณแผ่นดิน และนับเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อย่างไรก็ตาม เห็นว่ามีท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยที่ได้น้อมนำคำสอนและกระแสพระราชดำรัสของพระองค์มาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่นในรูปองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) รวมทั้งท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ พัทยาและกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีการจัดสรรพื้นที่ในเขต อปท.มาเป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง มีพื้นที่สาธิตในการบริหารจัดการดิน น้ำ ป่าเพื่อดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเป็นแหล่งสาธิตให้กับเกษตรกรแบบวิถีพอเพียง พอมีพอกิน ที่ให้เกษตรกรสามารถจัดการตนเองได้ นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการจัดทำแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ เช่น บาง อปท.มีการจัดตั้งโรงเรียน/วิทยาลัยเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนชาวนา โรงเรียนเกษตรกร ธนาคารความดี เป็นต้น ผมเป็นคนหนึ่งที่เฝ้ามอง พยายามสังเกต รวมทั้งเสนอแนะให้ท้องถิ่นได้น้อมนำคำสอนของในหลวงรัชการที่ 9 ไปสู่การปฏิบัติ โดยเสนอให้มี "1 ท้องถิ่น 1 เศรษฐกิจพอเพียง" และผมเห็นว่าในโครงการรางวัลพระปกเกล้า ของสถาบันพระปกเกล้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการเชิญชวน อปท.สมัครเข้าร่วมเพื่อรับรางวัลพระปกเกล้าทั้งด้านความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม ด้านการเสริมสร้างสันติสุขและความสมานฉันท์และด้านการเสริมสร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน และประชาสังคม ซึ่งแต่ละด้านเหล่านี้ เห็นว่า อปท.ได้ดำเนินการที่ก่อให้เกิดกิจกรรม โครงการที่เป็น "นวัตกรรมท้องถิ่น"ซึ่งส่วนหนึ่งเห็นว่าการดำเนินงาน/โครงการของท้องถิ่นเป็นไปตามแนวทางการสืบสานปณิธานในหลวง ร.9 ดังเช่น ท้องถิ่นที่ทำให้เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์สุจริต โดยใช้ธนาคารความดีเป็นต้นแบบท้องถิ่นที่น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแบบอย่าง โดยการใช้โรงเรียนเกษตรกร โรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงเป็นต้นแบบโดย อปท.ได้ร่วมมือกับเครือข่าย ภาคส่วนต่างๆในชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งยังมีการรณรงค์ของท้องถิ่นสู่ครัวเรือนที่ให้มีวิถีชีวิตแบบ พออยู่ พอกินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและจัดการตนเองได้ โดยไม่ตกเป็นทาสอบายมุขวัตถุนิยม และบริโภคนิยม ซึ่งเห็นว่าหลายท้องถิ่นได้ดำเนินการแล้ว ก้าวต่อไปของท้องถิ่นจึงเห็นว่า การสืบสานปณิธานในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อก่อให้เกิด "1 ท้องถิ่น 1 แบบอย่างคำสอน" เช่น (1) แบบอย่างของการเสริมสร้างสันติสุขที่น้อมนำพระราชดำรัสเรื่องความสามัคคีมาปรับใช้ (2) แบบอย่างการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย (3) แบบอย่างเศรษฐกิจพอเพียง (4) แบบอย่างของการบริหาร จัดการดิน น้ำ ป่าให้ยั่งยืน รวมทั้งการน้อมนำกระแสพระราชดำรัสไปประยุกต์ใช้ให้เป็นแบบ อย่างแก่ชุมชน ท้องถิ่น ซึ่งผมเห็นว่าฐานของท้องถิ่นเป็นฐาน ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนคนไทย ที่ควรนำคำสอนของในหลวงไปสู่การปฏิบัติได้มากที่สุด นั่นหมายความ ว่าเป็นการช่วยกันนำพาสังคมไทยสู่ความเข้มแข็งร่มเย็นและมั่นคงยั่งยืน ก็ถือว่าเป็นการสืบสานปณิธานของพระองค์แล้ว |
เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวงงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ฅนเทศบาล
เมนูหลัก
ข่าวท้องถิ่น
ระเบียบบริหารงานบุคคลของพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานส่วนท้องถิ่น
มาตรฐานการบริหารงานบุคคลพนักงานส่วนท้องถิ่น
วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
คอลัมน์ สายตรงท้องถิ่น: ท้องถิ่นกับการสืบสานปณิธานในหลวง ร.9
คอลัมน์ สายตรงท้องถิ่น: ท้องถิ่นกับการสืบสานปณิธานในหลวง ร.9
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น