วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

'สมคิด'ปลุก77จว.เร่งปั้นศก.ท้องถิ่น


'สมคิด'ปลุก77จว.เร่งปั้นศก.ท้องถิ่น
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

          กรุงเทพธุรกิจ "สมคิด"จุดความฝันสร้าง จุดเปลี่ยนประเทศ เผยไตรมาส 3 เศรษฐกิจโต 4% ปีหน้าโตเกิน 4% ย้ำภาพใหญ่เศรษฐกิจกำลัง ขยายตัว  เร่งลงทุนรัฐวิสาหกิจและดึงทุนต่างชาติ ดันเม็ดเงินกระจายรายได้สู่ฐานรากกว่า 30 ล้านคน ผ่านการท่องเที่ยว  "อาคม"ดึงงบค้างเบิกจ่ายปีละ 1 แสนล้าน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเร่งแผนเมกะโปรเจค บูมลงทุนอีอีซี 5 ปีลงทุนกว่า 7 แสนล้าน
          นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษงานสัมมนาหอการค้า ทั่วประเทศ ถึงทิศทางเศรษฐกิจประเทศว่า กำลังสร้าง ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนที่พลิกโอกาสประเทศ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ขยายตัวสูงขึ้น โดยไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัว 4% แน่นอน  จะเติบโตต่อเนื่องส่งผลไปถึงปี2561 มีแนวโน้มขยายตัว เกิน 4% เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
          รัฐบาลเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ครึ่งหนึ่งมาจากรัฐวิสาหกิจที่ต้องเร่งการเบิกจ่าย รวมถึงระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) เป็นแรงสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเอกชน
          "โครงการอีอีซี นักลงทุนรอดูกฎหมายจะ ออกเมื่อไหร่  โครงการถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯระยอง  รวมถึงอู่ตะเภา รองรับนักท่องเที่ยว เป็นสิบล้านคน คาดไม่เกินไตรมาส 1-2 ปีหน้า เริ่มลงทุนได้ จะดึงนักลงทุนญี่ปุ่นมาจำนวนมาก ปีหน้ารัฐวิสาหกิจจะมีงบลงทุนเกือบครึ่งของ ทั้งหมดเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การส่งออกดีขึ้นแน่นอน รวมถึงการลงทุนเอกชน ความเชื่อมั่นปีนี้กับปีที่แล้วต่างกัน ปีหน้าจะมีสัญญาณดีมากเป็นโอกาสที่ไทยจะก้าวต่อไป"
          จากนี้ถึงเวลาที่ไทยจะกระจายรายได้เม็ดเงิน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจลงไปสู่ประชาชน เศรษฐกิจฐานรากในต่างจังหวัด เป็นพื้นฐานแข็งแกร่งให้ประเทศมีการพัฒนาเติบโตและยั่งยืน การสร้างรายได้ให้กับประชากรที่เป็นฐานรากกว่า 30-40 ล้านคน แต่มีสัดส่วนต่อจีดีพีเพียง 10% สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น คนฐานรากยังไม่สัมผัสและรับรู้รายได้จากเศรษฐกิจ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตร การปลูกพืชเชิงเดี่ยวทำให้เกิดกำลังการผลิตล้นตลาด ราคาสินค้าเกษตรจึงตกต่ำ ขาดการสร้างมูลค่าเพิ่ม
          "รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขให้ประเทศก้าวพ้นความยากจน ภาคส่งออกขยายตัว และเกิดการลงทุนขนาดใหญ่ แต่กลุ่มคนยากจน เกิดความเหลื่อมล้ำยังมีสูง เพราะเกิดการกระจุกตัวทำให้เม็ดเงินไม่ถึงด้านล่าง เศรษฐกิจคนฐานรากจึงไม่ดีขึ้น นี่คือสาเหตุที่แท้จริง มีคนพูดว่ารัฐบาลไม่ดูแลคนจน คนพูดเอาสมองส่วนไหนคิด หมดยุคที่เข้ามาเสนอโครงการรับจำนำ และประชาชนหวังรัฐช่วยจำนำ ใครที่คิดโครงการจำนำอย่าเลือกอาจจะเอาประเทศไปจำนำ" นายสมคิด กล่าว
          ปลุก77จังหวัดปั้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
          ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นควรมีบทบาทพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น ล่าสุด ครม. ได้อนุมัติให้นำงบ ของกระทรวงมหาดไทย ที่เข้าไปพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์การบริหารจังหวัด (อบจ.) ช่วยพัฒนายุทธศาสตร์สร้างรายได้ให้ท้องถิ่น โดยผลักดันให้หน่วยงานส่วนจังหวัด คิดวิถีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวชุมชน โดยเพิ่มการสร้างคุณค่าจากวิถีไทย ทุกจังหวัดมีจุดขายแตกต่างทั้ง 77 จังหวัด โดยหอการค้าไทย มีบทบาทสำคัญผ่านโครงการไทยเท่ ใช้ประสบการณ์การพัฒนาตลาด ออกแบบ สร้างจุดขายสร้างความโดดเด่นแตกต่าง ที่มาเชื่อมต่อพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่นเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ไปช่วยกันยกระดับท้องถิ่น จะเป็นพลังแรงขับเคลื่อน (Growth Engine) ที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจฐานรากของไทย
          "ครม. ได้หารือกับกระทรวงมหาดไทยปลดล็อครายได้กว่าแสนล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาท้องถิ่นเน้นการสร้างงานรายได้จากการท่องเที่ยวในชุมชน ให้ อบต. และ อบจ. คิดโครงการ ไม่ใช่แค่เพียงทำถนนโดยหอการค้าช่วยพัฒนาสินค้าชุมชนให้สอดคล้องกับการตลาด ผ่านโครงการธงฟ้าประชารัฐ ขายราคาถูกได้เพราะต้นทุนถูก คนชนบทซื้อได้ขายได้ ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องบริหารจัดการการผลิต ดึงคนรุ่นใหม่ที่กล้าคิดกล้าเปลี่ยนแปลงพัฒนาสินค้าเกษตรที่เพิ่มมูลค่านำร่องเป็นแนวทางไปสู่การคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่"
          จี้แบงก์-หอการค้ายกระดับรายย่อย
          นายสมคิด กล่าวว่าจากนี้ไปอีก1 ปี เป็นช่วงเวลาสำคัญของไทยที่จะใช้โอกาสปรับตัว เพื่อยกระดับพื้นฐานของประเทศก้าวไปสู่ยุค 4.0 โดยใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัล ภาครัฐต้องปรับตัวให้สอดรับกับการบริการทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) รองรับกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ให้เข้าสู่ระบบ เป็นโอกาสสำคัญที่จะใช้ความเปลี่ยนแปลง เข้าสู่ระบบออนไลน์ เช่น การจ่ายเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ การทำบัญชีเดียวเพื่อโอกาสในการพัฒนาสู่อนาคต รวมทั้งการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ที่ธนาคารของรัฐต้องปรับตัวเปลี่ยนระบบการประเมินสินเชื่อ เน้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่หวังผลกำไรจากธุรกิจเดียว
          "ธนาคารของรัฐ ต้องเปลี่ยนเคพีไอ สนับสนุนคนมีรายได้น้อยและรายย่อย แบงก์รัฐมีหน้าที่ช่วยประชาชน ลดดอกเบี้ยให้ต่ำลงไม่เน้นปล่อยกู้เอากำไรอย่างเดียว แต่ต้องช่วยเศรษฐกิจท้องถิ่น รายย่อยไม่เช่นนั้นจะมีกลุ่มผู้เล่นรายใหญ่จากนอกประเทศอย่าง อาลีบาบา เข้ามาปล่อยกลุ่มนี้แทน" การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังจากมีการติดตั้งโครงการ "เน็ตประชารัฐ" เสร็จสิ้นในทุกหมู่บ้าน เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 4.0 ยุคดิจิทัลที่พัฒนาโอกาสการทำธุรกิจให้กับคนทุกคนเท่าเทียมกันทั้งโอกาสการศึกษา การรักษาพยาบาล รวมถึงการทำธุรกิจเครือข่ายภาคธุรกิจควรพัฒนากลยุทธ์การใช้ประโยชน์จากการบริหารฐานข้อมูล (Big Data) เพื่อให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง พร้อมทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ หอการค้าไทยถือเป็นเครือข่ายรวบรวมข้อมูลผู้ประกอบการทั่วประเทศกว่าแสนรายที่ดีที่สุด จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่
          ดึงงบค้าง 1 แสนล้านเร่งลงทุน
          ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง" ว่า อัตราการลงทุนภาครัฐค่อนข้างต่ำจึงส่งผลทำให้ไม่เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ภาคท้องถิ่น มาจาก 2 สาเหตุหลัก 1.การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า 2.ไม่มีการลงทุนโครงการใหม่  โดยโครงการลงทุนขนาดใหญ่สุดท้ายที่รัฐบาลลงทุน คือ การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิดังนั้นหากดึงงบประมาณคืนจากส่วนราชการที่ไม่ใช้เงินตามแผนทำให้มีงบประมาณคืนกลับมาใช้ลงทุนใหม่เพิ่มเฉลี่ยปีละประมาณ1 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะส่งผลทำให้เกิดประสิทธิภาพการกระจายรายได้มากขึ้น
          ปี 2561 กระทรวงได้กำหนดงบลงทุนขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งไว้ 309,607 ล้านบาท เป็นทางบก 152,162 ล้านบาท, ทางราง 96,203 ล้านบาท,ทางน้ำ 7,323 ล้านบาท และทางอากาศ 53,537 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมรองรับอีอีซี 103 โครงการ ระหว่างปี 2560-2564 วงเงินกว่า 745,710 ล้านบาทจะปรับปรุงสนามบินอู่ตะเภาให้กลายเป็นสนามบินนานาชาติ รองรับผู้โดยสารได้ถึง 60 ล้านคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น