วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

ล่าล้านชื่อค้านยุบอบต. '3องค์กรท้องถิ่น'ผนึกยื่นครม.หลัง5เมษายน

ล่าล้านชื่อค้านยุบอบต. '3องค์กรท้องถิ่น'ผนึกยื่นครม.หลัง5เมษายน 

ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐

          สมาคม "องค์การบริหารส่วนจังหวัด-สันนิบาตเทศบาล-องค์การบริหารส่วนตำบล" ยื่นหนังสือถึงมือ สนช. ค้านร่างกฎหมายยุบ-ควบรวม อบต. พร้อมล่า 1 ล้านรายชื่อประชาชน ยื่นครม.ภายใน 5 เม.ย.นี้
          ร่าง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.   และร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ยังคงถูกคัดค้านอย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นที่จะมีการยุบองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขนาดเล็ก และควบรวมยกเป็นเทศบาล
          ในการประชุมสัมมนา สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นที่ โรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 5,000 คน โดย นายนพดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านและขอให้ทบทวนร่างประมวลกฎหมายดังกล่าว ต่อนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2
          สำหรับหนังสือคัดค้านของสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ระบุว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ น่าจะขัดกับร่างรัฐธรรมนูญ และไม่เป็นไปตามหลักในการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 3 ประการ ดังนี้
          1.การปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่องการยกฐานะองค์การบริหารส่วนตำบลขึ้นเป็นเทศบาลตำบล และการบังคับใช้กฎหมายให้ควบรวมเทศบาลตำบลขนาดเล็กเข้าด้วยกันโดยมองในเชิงเศรษฐศาสตร์ ไม่ครอบคลุมกับบริบทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้บริการสาธารณะให้กับประชาชนในพื้นที่ อันเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติของประชาชน
          2.การกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งปรากฏตามลักษณะ 5 มาตรา 197 - มาตรา 204 เป็นการให้อำนาจแก่กระทรวงมหาดไทยมากเกินไปทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ไปถึงท้องถิ่นจังหวัดเป็นการบ่งชี้รายละเอียดตัวบุคคลมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงสิทธิขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 250 ซึ่งต้องกำกับดูแลเท่าที่จำเป็น และยังขัดต่อหลักการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญอีกด้วย
          และ 3.ความเห็นของประชาชนในข้อเสนอการปฏิรูปท้องถิ่น กำหนดให้มีการควบรวมองค์กรท้องถิ่นตามขนาดจำนวนประชากรและรายได้ตามที่ปรากฏ ภาคประชาชนมีความเห็นว่า ขัดเจตนารมณ์ความเป็นเจ้าของชุมชนท้องถิ่นและเชื่อว่าจะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งระบบบริการจะมีคุณภาพต่ำลงไม่ใกล้ชิดประชาชน
          พร้อมแนบข้อเสนอแนะที่น่าสนใจอีกหลายประการ อาทิ กรณีกำหนดให้มีเพียงองค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาล ตามข้อเสนอของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นั้น มองว่า อบต.เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กในระดับพื้นที่ซึ่งใกล้ชิดประชาชน อีกทั้งยังเป็นองค์กรหลักในระดับพื้นที่ที่มีความรับผิดชอบในการจัดบริการสาธารณะที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด เห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องคงองค์การบริหารส่วนตำบลไว้
          ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องมีการควบรวม ควรให้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการโดยยึดเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่นเป็นสำคัญ ตลอดจนการสร้างมาตรการจูงใจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควบรวมตามความสมัครใจ ส่วนการกำกับดูแลและตรวจสอบ เสนอให้จัดทำกฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลเพื่อเป็นหลักประกันความเป็นอิสระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินโดยสำนักงานการตรวจแผ่นดิน ต้องกำหนดมาตรฐานที่ใช้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นมาตรฐานเดียวกัน
          นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการควบรวมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กเข้าด้วยกัน พื้นที่ที่รุนแรงในการแข่งขันทางการเมืองท้องถิ่นที่มีหลายกลุ่มจากพื้นที่ควบรวมดังกล่าว ประชาชนจะแตกแยกส่งผลกระทบต่อการจัดบริการในอนาคต ทั้งยังจะเป็นการเปิดพื้นที่ให้กลุ่มการเมืองระดับชาติเข้ามามีบทบาทครอบงำท้องถิ่นได้มากขึ้น ขณะที่ในเขตพื้นที่ที่มีปัญหาด้านชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และศาสนานั้น ผลพวงจากการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดการแบ่งพวกตามการนับถือศาสนา วัฒนธรรม อาจนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงของชาติ
          นายนพดล กล่าวว่า การดำเนินการใดๆ เพื่อปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น ไม่ว่าจะโดยรูปแบบนโยบายทางการบริหาร หรือการดำเนินการทางกฎหมาย มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้นำข้อเสนอแนะต่างๆ ไปจัดทำเป็นกฎหมายเพื่อขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมต่อไป
          "หลังจากนี้เตรียมรวบรวมรายชื่อประชาชนที่คัดค้านให้ได้ 1 ล้านรายชื่อภายในวันที่ 5 เมษายนนี้ เพื่อยื่นให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น